นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ปตท. ได้ทบทวนแผนการลงทุนของ ปตท. และบริษัทต่างๆ ที่ ปตท. ถือหุ้น 100% โดยได้อนุมัติให้ปรับแผนการลงทุนสำหรับปี 66 เพิ่มขึ้นอีก 60,254 ล้านบาท จากเดิมตั้งไว้ที่ 33,344 ล้านบาท รวมเป็น 93,598 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการเปลี่ยนแปลงการลงทุนในบริษัทที่ ปตท. ถือหุ้น 100% อาทิ เงินลงทุนสำหรับรองรับการร่วมลงทุนของบริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด ในโครงการ LNG Receiving Terminal แห่งที่ 2 ขนาด 7.5 ล้านตันต่อปี และการร่วมลงทุนในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร จากโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของบริษัท ฮอริษอน พลัส จำกัด เพื่อนำไปใช้ลงทุนโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในประเทศไทยของบริษัท อรุณ พลัส จำกัด
ขณะที่การลงทุนในโครงการอื่นๆที่เป็นธุรกิจหลัก ของ ปตท. เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศนั้น ยังคงเป็นไปตามแผนการลงทุนเดิม อาทิ โรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 7 เพื่อทดแทนโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 1 โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติจากบางปะกง-โรงไฟฟ้าพระนครใต้ และโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกเส้นที่ 5
“งบลงทุนปี 66 ที่ทบทวนใหม่ วงเงิน 93,598 ล้านบาท แบ่งเป็น ใช้สำหรับธุรกิจก๊าซธรรมชาติ เดิมตั้งไว้ที่ 10,023 ล้านบาท ลดเหลือ 9,162 ล้านบาท หรือลดลง 861 ล้านบาท, ธุรกิจท่อส่งก๊าซธรรมชาติ เดิมตั้งไว้ 7,503 ล้านบาท เพิ่มเป็น 7,945 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 442 ล้านบาท, ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศและธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย เดิม 863 ล้านบาท เหลือ 769 ล้านบาท หรือลดลง 94 ล้านบาท, ธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐานและสำนักงานใหญ่ เดิมตั้งไว้ 2,440 ล้านบาท ลดเหลือ 1,943 ล้านบาท หรือลดลง 497 ล้านบาท และการลงทุนในบริษัทที่ ปตท.ถือหุ้น 100% เดิมตั้งไว้ที่ 12,515 ล้านบาท เพิ่มเป็น 73,779 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 61,264 ล้านบาท”.