นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า วันที่ 7 เม.ย.66 ราคาจำหน่ายปลีกน้ำมันดีเซลในประเทศปรับลดลงลิตรละ 0.50 บาท มาอยู่ที่ 33 บาท จากเดิม 33.50 บาท ช่วยผ่อนคลายภาระค่าขนส่งให้กับผู้บริโภคได้ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็ลดลงเช่นกัน ซึ่งกรมจะติดตามราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิด เพราะหากราคาลดลงต่อเนื่อง จะมีผลทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าลดลงด้วย อย่างไรก็ตาม ต้นทุนการผลิตสินค้าไม่ได้มีเฉพาะต้นทุนจากพลังงานเท่านั้น ยังมีต้นทุนวัตถุดิบและค่าบริหารจัดการอื่นๆ ซึ่งกรมจะติดตามใกล้ชิดเช่นกัน หากต้นทุนผลิตต่างๆลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ราคาขายสินค้าก็จะต้องลดลงให้สอดคล้องกันด้วย
ส่วนสินค้าอื่นๆ เช่น สินค้าเกษตรสำคัญ ทั้งข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และปาล์มน้ำมัน ราคาปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 14,600 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 11,150 บาท ข้าวเปลือกเจ้าตันละ 10,200 บาท และข้าวเปลือกเหนียวตันละ 12,400 บาท และมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นอีก จากความต้องการซื้อจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น มันสำปะหลัง 3.25-3.85 บาทต่อกิโลกรัม (กก.), ปาล์มน้ำมัน 6.50 บาทต่อ กก. ส่วนปศุสัตว์ หมูเนื้อแดง เฉลี่ย 153 บาทต่อ กก. ราคาขึ้นเล็กน้อย ไก่ทั้งตัวรวมเครื่องใน ทรงตัว 75-85 บาทต่อ กก. และไข่ไก่ทรงตัวฟองละ 3.75 บาท
อย่างไรก็ตาม กรมยังมีมาตรการดูแลราคาอาหารสำเร็จ เพื่อลดค่าครองชีพประชาชน ผ่านร้านอาหารธงฟ้า โดยมีร้านอาหารเข้าร่วมเป็นร้านอาหารธงฟ้ากว่า 6,000 แห่ง มีอาหารทางเลือกจานละ 35 บาท แต่ตั้งเป้าหมายขยายให้ได้ไม่ต่ำกว่า 8,000 แห่งทั่วประเทศ ส่วนการดำเนินการกับผู้ค้าที่เอาเปรียบผู้บริโภคนั้น ตั้งแต่เดือน ม.ค.จนถึงขณะนี้ ได้ดำเนินการกับผู้ค้าไม่ติดป้ายแสดงราคาสินค้าไปแล้ว 177 ราย หากพบผู้ค้ารายใดเอาเปรียบประชาชนในการขายสินค้าและบริการ จะดำเนินการตามกฎหมายแน่นอน
นายวัฒนศักย์ยังกล่าวว่า จากการติดตามการจำหน่ายสินค้าก่อนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พบว่าช่วงนี้ประชาชนเริ่มทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนากันแล้ว จึงสั่งการให้ค้าภายในจังหวัดร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ติดตามและตรวจสอบการจำหน่ายสินค้าและบริการแบบปูพรมทั่วประเทศ ทั้งในสถานีขนส่งต่างๆ สถานีรถไฟ สนามบิน รวมถึงตลาดสด สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ฯลฯ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ค้าฉวยโอกาสเอาเปรียบผู้บริโภค ทั้งนี้ จากการตรวจสอบที่บริเวณสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ เขตจตุจักร (รถไฟฟ้า) และสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (สายใต้ใหม่) พบว่า ผู้ค้าติดป้ายแสดงราคาสินค้าไว้ชัดเจน และราคาสินค้าส่วนใหญ่สมเหตุสมผล แต่ได้กำชับให้จำหน่ายสินค้าและบริการในราคาที่เป็นธรรม ไม่เอาเปรียบผู้บริโภค หากไม่ติดป้ายแสดงราคาจะมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท หากค้ากำไรเกินควรจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ.