ปตท.ประกาศตรึงราคาน้ำมัน ช่วยประชาชนลดรายจ่ายเทศกาลสงกรานต์

ปตท.ย้ำชัดตรึงราคาขายปลีกน้ำมันช่วงเทศกาลสงกรานต์ ให้ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวอย่างสบายใจ ประกาศหากราคาตลาดโลกลดลงก็พร้อมลดราคาลงทันที มั่นใจราคาน้ำมันปีนี้ถูกกว่าปีที่ผ่านมา พร้อมเดินหน้าลงทุน 5 ปี 4 แสนล้านบาท

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้ราคาน้ำมันในประเทศเชื่อว่าจะลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากราคาพลังงานในตลาดโลกคลี่คลายลง ทำให้คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปีนี้เฉลี่ย 80 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ลดลงจากปีก่อนที่ราคาเฉลี่ย 96 ดอลลาร์ฯ ส่วนในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวสงกรานต์ที่จะถึงนี้ สถานีบริการน้ำมันพีทีที สเตชัน จะตรึงราคาน้ำมัน และหากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับลดลง จะปรับลดลงให้เช่นกัน เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางของผู้บริโภค และอำนวยความสะดวกผู้เดินทาง

“ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับการเก็บเงินเข้ากองทุนต่างๆด้วย เช่น กองทุนน้ำมัน ที่ขณะนี้ฐานะยังติดลบ 94,471 ล้านบาท, การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตรน้ำมัน ที่กระทรวงการคลังยังลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ต้องดูทิศทางกันต่อไป”

สำหรับแผนการลงทุน ปตท.จะเดินหน้าตามแผนใช้งบประมาณลงทุน 5 ปี (2566-2570) ที่บอร์ดได้อนุมัติแล้ว 100,227 ล้านบาท โดย ปีนี้จะลงทุน 33,344 ล้านบาท และได้เตรียมงบที่จะลงทุนในอนาคตเพิ่มเติมอีก 302,168 ล้านบาท รวม 402,395 ล้านบาท ซึ่งปีนี้อยู่ระหว่างเจรจาทำสัญญาร่วมลงทุนหลายๆรูปแบบ คาดว่าจะเสร็จ 5 โครงการ เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ จะเน้นไปที่กลุ่มธุรกิจใหม่

ขณะที่รายได้ปีนี้คาดว่าอยู่ที่ 2 ล้านล้านปลายๆ ลดลงจากปีที่ผ่านมาที่มีรายได้ 3.36 ล้านล้านบาท และมีกำไร 91,175 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไร 3.6% ซึ่งปีนี้ยังไม่สามารถระบุกำไรจะอยู่ที่เท่าไร สาเหตุที่ปีนี้รายได้จะลดลงจากปีที่ผ่านมา เป็นผลจากราคาน้ำมันปีก่อนอยู่ในระดับสูง

“แผนการลงทุน 100,227 ล้านบาท เช่น การลงทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติ 36,322 ล้านบาท การลงทุนในบริษัทที่ ปตท.ถือหุ้น 100% มูลค่า 32,773 ล้านบาท การลงทุนในธุรกิจท่อส่งก๊าซธรรมชาติ 18,988 ล้านบาท ธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐานและสำนักงานหนึ่ง 8,828 ล้านบาท และธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ และปิโตรเลียมขั้นปลาย 3,316 ล้านบาท”

ขณะที่ธุรกิจใหม่ของ ปตท. ประกอบด้วย กลุ่มพลังงานแห่งอนาคต 4 กลุ่ม ได้แก่ พลังงานทดแทน ระบบกักเก็บพลังงาน แบตเตอรี่ ยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) และไฮโดรเจน ส่วนธุรกิจใหม่ที่ไม่ใช่พลังงาน ได้แก่ ธุรกิจวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต ทั้งยา อุปกรณ์ทางการแพทย์ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม และอื่นๆ ได้แก่ สินค้าที่มีมูลค่าสูง ซึ่งเป็นการต่อยอดจากธุรกิจปิโตรเคมี ธุรกิจเกี่ยวกับการขับเคลื่อนและไลฟ์สไตล์ ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์

“ปตท. มีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจใหม่ 30% ในปี 2573 โดยเฉพาะการมุ่งสู่เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยปี 2573 ภาพรวมการผลิตไฟฟ้า ปตท.จะมีกำลังการผลิต 20,000 เมกะวัตต์ เป็นผลิตพลังงานทดแทน 12,000 เมกะวัตต์ เพิ่มจากปัจจุบันที่มีอยู่ 2,700 เมกะวัตต์ เป็นการเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากช่วง 1-2 ที่เราประกาศนโยบายตอนนั้นมีเพียง 400-500 เมกะวัตต์ ซึ่งตอนนั้นพอร์ตพลังงานทดแทนจะมากกว่าพลังงานคอนเวนชันนอล จะเหลือเพียง 8,000 เมกะวัตต์”.