ตรึงดีเซล 35 บาทต่อลิตร “สกนช.” วิ่งตีนพลิกกู้เพิ่ม 3 หมื่นล้านบาท

“สกนช.” แจงสี่เบี้ยแผนบริหารจัดการกองทุนน้ำมันปี 2566 ย้ำระยะสั้น เน้นตรึงราคาขายปลีกดีเซลไม่เกิน 35 บาทต่อลิตรต่อไป ทำนายราคาน้ำมันโลกปีนี้ ไม่ดีดขึ้นรุนแรงเท่ากับปีที่ผ่านมา เตรียมกู้เงินรอบ 2 อีก 3 หมื่นล้านบาท

นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า ปีนี้ การประเมินราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล คาดว่าจะไม่ร้อนแรงเท่ากับปีที่ผ่านมา หรือโดยเฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ที่ระดับ 105 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล แต่กรณีเลวร้าย (Worst Case) คาดว่าจะอยู่ที่ 150 เหรียญฯต่อบาร์เรล จากราคาเฉลี่ยปี ที่ผ่านมาอยู่ที่ 135.54 เหรียญฯ ดังนั้น สกนช.ก็จะยังบริหารกองทุนน้ำมัน โดยระยะสั้น ยังคงดูแลราคาขาย ปลีกดีเซล ไม่ให้เกิน 35 บาทต่อลิตร ส่วนจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร ขึ้นอยู่ที่นโยบายรัฐบาล และราคาน้ำมันตลาดโลก

“ราคาน้ำมันยังผันผวน ทำให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบน.) ต้องมีการติดตามราคาตลาดโลกใกล้ชิด เพื่อบริหารจัดการ และปีที่ผ่านมา กบน.ได้จัดประชุมรวม 189 ครั้ง และตลอดทั้งปี 2565 กองทุนน้ำมันก็ได้ดูแลผลกระทบประชาชนทั้งก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ที่มีการทยอยขึ้นแบบขั้นบันไดจาก 318 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม (กก.) ล่าสุดขณะนี้อยู่ที่ 408 บาทต่อถัง 15 กก. ส่วนน้ำมันดีเซลก็ตรึงไว้ไม่เกิน 35 บาทต่อลิตร”

ทั้งนี้ ปัจจุบันฐานะกองทุนน้ำมัน ณ วันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา ติดลบ 121,491 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีแอลพีจี ติดลบ 44,300 ล้านบาท บัญชีน้ำมันติดลบ 77,191 ล้านบาท ล่าสุด มีการจัดเก็บอัตราเงินเข้ากองทุน น้ำมัน ในส่วนของน้ำมันดีเซลลิตรละ 3.72 บาท แก๊สโซฮอล์ 95, 91 ลิตรละ 1.70 บาท อี 85 และอี 20 ลิตรละ 0.010 บาท ส่วนแอลพีจียังอุดหนุนที่ 6.12 บาทต่อ กก. โดย 2 เดือนที่ผ่านมา กองทุนน้ำมัน เริ่มมีเงินไหลเข้าสะสมรวม 8,000 ล้านบาท

ขณะที่การบริหารเงินกู้ ภายใต้กรอบวงเงิน 150,000 ล้านบาท สกนช.ได้กู้เงินรอบแรก 30,000 ล้านบาท เรียบร้อยแล้ว ส่วนที่เหลือ 120,000 ล้านบาท ได้ประสานกับสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ที่จะประชุมวันที่ 9 ม.ค.นี้ เพื่อนำกรอบเงินกู้ดังกล่าวเข้าไปพิจารณา

“ผมหวังว่าจะได้รับการอนุมัติกรอบเงินกู้ครั้งนี้ 30,000 ล้านบาทและต้องเร่งประสานให้พิจารณาทั้งหมดภายในปีนี้ เพื่อให้เป็นไปตามกรอบที่กำหนดไว้ภายใน 1 ปี เพื่อที่จะทยอยกู้มาคืนเงินค้างชำระผู้ค้าน้ำมันมาตรา 7”

นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สกนช. กล่าวว่า ราคาน้ำมันดีเซลตลาดโลก ปีนี้ คาดว่าจะไม่ร้อนแรงเท่ากับปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีทั้งปัจจัยบวกและลบ โดยปัจจัยบวก ที่ทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น ได้แก่การเปิดประเทศของจีน ที่อาจทำให้ราคาน้ำมันโลกสูง ฯลฯ ปัจจัยลบ ได้แก่ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่จะทำให้เศรษฐกิจโลกถดถอย ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันของโลกลดลง

ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล แม้ตลาดโลกลดลง แต่ไม่อาจลดราคาขายปลีกได้เพราะยังมีภาระหนี้สูง และยังมีภาษีสรรพสามิตดีเซล 5 บาทต่อลิตร ที่ต้องรอการพิจารณาจากกระทรวงการคลังว่า จะขยายเวลาลดภาษีให้ต่อไปหรือไม่ จากที่สิ้นสุดวันที่ 20 ม.ค.นี้ ส่วนแอลพีจี ที่ตรึงไว้ 408 บาทต่อถังขนาด 15 กก.จะสิ้นสุดเวลาการตรึงวันที่ 31 ม.ค.นี้ ก็ต้องรอคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานเป็นผู้พิจารณา”.