ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีแนวโน้มว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) จะเห็นชอบแนวทางแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันแพง โดยการปรับลดสูตรผสมน้ำมันไบโอดีเซล (B100) ที่ปัจจุบันเหลือเกรดเดียว โดยผสมในดีเซล 7% หรือดีเซล B7 เป็นเหลือ 5% หรือดีเซล B5 ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ.-31 มี.ค.นี้ ซึ่งแนวทางดังกล่าวจะต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายน้ำมันปาล์มแห่งชาติ (กนป.)ก่อน เพื่อที่จะตรึงราคาดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร
เนื่องจากเกิดจากราคาน้ำมันตลาดโลกที่ยังคงทรงตัวระดับสูงประกอบกับราคา B100 ที่เป็นส่วนผสมในน้ำมันดีเซลสูงเกินคาดการณ์โดยเฉลี่ย 57.27 บาท/ลิตร เนื่องจากผลปาล์มดิบสูงถึง 12 บาท/กิโลกรัม (กก.) ผลจาก B100 ที่ราคาสูง ทำให้ต้นทุนการผลิตเป็นดีเซล B7 สูงถึง 3.09 บาท/ลิตร เมื่อลดส่วนผสมดังกล่าว จะทำให้ต้นทุนดีเซลลดลง 0.50-0.60 บาทต่อลิตร ขณะที่ผู้ค้าน้ำมันได้ร้องเรียนว่าประสบปัญหาค่าการตลาดต่ำมากเหลือเพียง 0.34 บาท/ลิตรเท่านั้น เพราะรัฐบาลสั่งให้ตรึงราคาดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตร ขณะที่กระทรวงการคลังยังคงยืนยันที่จะไม่ปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ที่เก็บจากน้ำมันดีเซลที่ เก็บในขณะนี้ 5.99 บาท และผลจากการดูแลทั้งราคาดีเซลและก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ทำให้เงินกองทุนน้ำมันไหลออก 6,000 ล้านบาทต่อเดือน ล่าสุด ณ วันที่ 23 ม.ค. ติดลบรวม 12,335 ล้านบาท
นายมนัส พุทธรัตน์ ประธานสมาพันธ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ชาวสวนปาล์มจะต้องหารือในรายละเอียดในเรื่องดังกล่าว ถึงจุดยืนว่าจะมีมาตรการใดๆออกมาหาก กบง.มีมติเห็นชอบในครั้งนี้ ยอมรับว่าไม่เห็นด้วย เนื่องจากขณะนี้ราคาปาล์มทะลายเริ่มลดราคาลงแล้ว.