4 ปัจจัย ดันราคาทองคำแพงขึ้นอีก  อาจทำสถิติใหม่ 2,750 ดอลลาร์ ลุ้นทองไทย บาทละ 4.3 หมื่น

Investment

Gold

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

4 ปัจจัย ดันราคาทองคำแพงขึ้นอีก อาจทำสถิติใหม่ 2,750 ดอลลาร์ ลุ้นทองไทย บาทละ 4.3 หมื่น

Date Time: 18 ต.ค. 2567 16:05 น.

Video

เปิดภารกิจ 3 แบงก์ไทย ใช้ Green Finance ช่วยลูกค้าปรับตัวฝ่า ระเบียบโลกใหม่ | 1st Anniversary Thairath Money

Summary

  • วายแอลจีชี้ทองคำร้อนแรงต่อเนื่อง ล่าสุดราคาพุ่งทะลุเป้าหมายทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 2,714 ดอลลาร์ แต่ประเมินทิศทางยังไปได้ต่อ ให้เป้าหมายถัดไป 2,750 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ เหตุยังมีปัจจัยสนับสนุน 4 ด้าน ทั้มองกรอบ 2,666-2,750 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ด้านทองไทยมองกรอบ 41,800-43,100 บาทต่อบาททองคำ

Latest


นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดล่วงหน้า (ฟิวเจอร์ส)  เปิดเผยว่า ราคาทองคำพุ่งขึ้นแรงอย่างต่อเนื่อง ทำระดับสูงสุดเป็นประวัติกาลครั้งใหม่ 2,714 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ณ วันที่ 18 ต.ค. 2567 เวลา 12.45น. แม้ว่าวานนี้จะมีแรงกดดันจากการแข็งค่าของดัชนีดอลลาร์ ขานรับยอดค้าปลีกสหรัฐออกมาบวก 0.4% สูงกว่าที่คาดไว้ที่ 0.3% แต่ทองคำก็ยกตัวสูงกว่าจุดต่ำสุดของการแกว่งตัวในช่วงที่ผ่านมา จึงเป็นการรักษาทิศทางเชิงบวกได้อย่างแข็งแกร่ง 

แม้การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในครั้งนี้ จะทะลุเป้าหมายที่ วายแอลจี ให้ไว้ที่ 2,700 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์แล้ว แต่จากแรงซื้อที่แข็งแกร่ง และแรงขายในระดับจำกัด ส่งผลให้ภาพในทางเทคนิคจึงยังอยู่ในกรอบการแกว่งตัวขึ้น จึงประเมินว่าภายในสิ้นปีนี้ ราคาทองคำอาจยังไปได้ต่อสู่เป้าหมาย 2,750 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์


ความร้อนแรงของทองคำมาจากปัจจัยบวก 4 ด้านดังนี้

1.  ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังอิสราเอลได้มีการยืนยันการเสียชีวิตของ "ยาห์ยา ซินวาร์" ผู้นำกลุ่มฮามาส จากที่ก่อนหน้าได้สังหาร "มุสตาฟา ฮาริรี" ผู้บัญชาการของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ของเลบานอน สถานการณ์ดังกล่าว จึงต้องจับตาอย่างใกล้ชิดว่า ฮามาส-ฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน จะมีการตอบโต้กลับหรือไม่

2.  ธนาคารกลางทั่วโลกมีแนวโน้มลดอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องในปีหน้า แสดงให้เห็นว่าทองคำจะมีความน่าสนใจเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากทองคำไม่ได้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ย จึงไม่ได้รับผลกระทบต่อประเด็นดังกล่าว

3. กองทุน ETF ทองคำกลับมาเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 โดยในเดือน ก.ย. กองทุน ETF ทองคำ มีเงินทุนไหลเข้ามา 1,400 ล้านดอลลาร์ หรือ คิดเป็นการซื้อสุทธิ 18.4 ตัน ทำให้การถือครองสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 3,200 ตัน

4.  ความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งสหรัฐ กระแสการกลับมาของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ที่อาจคว้าชัยการเลือกตั้งสหรัฐฯ ได้สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนทั่วโลก จึงพักเงินไว้ในทองคำบางส่วนเพื่อเป็นหลุมหลบภัย แต่จะต้องประเมินอีกครั้ง ในนโยบายที่เกิดขึ้นหลังเลือกตั้ง เนื่องจากดัชนีดอลลาร์แข็งค่าด้วยเช่นกัน ประเด็นดังกล่าวจึงทำให้ทองคำผันผวนมากขึ้น


สำหรับการทำระดับสูงสุดใหม่รอบนี้ เป็นการบ่งชี้ถึงแรงซื้อเก็งกำไรที่มีเข้ามาเพิ่มขึ้น จนราคาดีดตัวขึ้นแรง วายแอลจี จึงมีคำแนะนำว่า ในระยะนี้ให้เน้นการลงทุนระยะสั้น โดยยังเสี่ยงเปิดสถานะซื้อ ตามเทรนด์หลัก เมื่อราคาปรับตัวลงมาแล้วสามารถยืนเหนือแนวรับ 2,685-2,666 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ โดยเมื่อราคาปรับตัวขึ้น ให้ทยอยปิดทำกำไรที่โซนแนวต้าน 2,735-2,750 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ และควรตั้งจุดตัดขาดทุน หากราคาหลุดแนวรับ 2,666 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์  ขณะที่ด้านทองคำแท่ง 96.5% ในประเทศ แนะนำแนวรับที่ 42,100-41,800 บาทต่อบาททองคำ และแนวต้านที่ 42,850-43,100 บาทต่อบาททองคำ (คำนวณด้วยระดับอัตราแลกเปลี่ยน 33.11 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ)


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ