“จีไอที” เผยแห่เก็งกำไร ไทยส่งออกทองทะลักเหตุราคาโลกดีดตัว

นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา อัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ หรือจีไอที เปิดเผยว่า เดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ประเทศไทยส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ รวมทองคำ มีมูลค่าสูงถึง 1,166.08 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 59.09% เมื่อเทียบเดือน ม.ค.2566 เพราะการส่งออกทองคำเพิ่มสูงถึง 194.17% ซึ่งเป็นการส่งออกเพื่อเก็งกำไรจากราคาตลาดโลกที่สูงขึ้น ขณะที่ไม่รวมทองคำ มีมูลค่า 696.96 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 21.53% ฟื้นตัวต่อเนื่อง 5 เดือนติดต่อกัน เป็นผลจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวดีขึ้น ภาวะเงินเฟ้อโลกเริ่มชะลอตัวลง และกระทรวงพาณิชย์สร้าง เครือข่ายและความร่วมมือด้านการค้าอัญมณี แสวงหาคู่ค้ารายใหม่

“ตลาดส่งออกสำคัญมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเกือบทุกตลาด โดยสหรัฐฯเพิ่ม 10.71% อิตาลี เพิ่ม 0.42% ฮ่องกงเพิ่ม 62.17% เยอรมนีเพิ่ม 21.97% อินเดียเพิ่ม 66.18% เบลเยียมเพิ่ม 82.11% สหราชอาณาจักรเพิ่ม 8.04% กาตาร์เพิ่ม 903.39% ญี่ปุ่นเพิ่ม 17.29% สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ลด 7.65% ส่วนสินค้าส่งออกสำคัญส่วนใหญ่ส่งออก เพิ่มขึ้น โดยเครื่องประดับทองเพิ่ม 30.18% เครื่องประดับเงินเพิ่ม 35.99% เครื่องประดับแพลทินัมเพิ่ม 6.70% พลอยก้อนเพิ่ม 4.78% ทองคำเพิ่ม 194.17% ฯลฯ”

ขณะที่แนวโน้มการส่งออกปีนี้แม้เศรษฐกิจโลกและคู่ค้าเริ่มฟื้นตัว แต่ยังอาจเผชิญความท้าทายอีกหลายประการ ทั้งนโยบายการเงินที่ตึงตัวนานกว่าที่คาด สงครามอิสราเอลและฮามาส อาจขยายวงและมีประเทศผู้นำในภูมิภาคเข้ามาร่วม การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในหลายประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐฯและสหราชอาณาจักร รวมทั้งความขัดแย้งจีน-สหรัฐฯ ทำให้เกิดการแบ่งขั้วและกระทบห่วงโซ่การผลิต ล้วนเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก และกระทบต่อการส่งออกของไทย

“ในการส่งออกผู้ส่งออกต้องไม่ลืมให้ความสำคัญกับการผลิตสินค้ารักษ์โลก และที่มาของสินค้าต้องโปร่งใสตรวจสอบได้ ให้ความ สำคัญต่อช่องทางออนไลน์ ที่ไม่เพียงต้องใช้งานง่าย สะดวก มีความน่าสนใจ และเลือกแพลตฟอร์มที่เข้าถึงผู้บริโภคแล้ว ยังต้องผนวกลูกเล่นจากเอไอ เพื่อสร้างประสบการณ์ร่วมกับลูกค้าที่กำลังให้ความสนใจเทคโนโลยีนี้ด้วย เพราะการทำตลาดไม่ใช่แค่การผสานทั้งออนไลน์และการขายหน้าร้านอีกแล้ว แต่ต้องยกระดับประสบการณ์ทางการตลาดไปอีกขั้น จึงมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จและก้าวไปข้างหน้าได้”

นอกจากนี้ เมื่อเร็วๆนี้ จีไอทีได้ทำข้อตกลงความร่วมมือกับสมาคมอัญมณีแห่งฮ่องกง เพื่อร่วมกันรับรองมาตรฐานการตรวจสอบหยก FeiCui และคอรันดัม ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และร่วมกันโปรโมตมาตรฐานพลอยสีของไทย ซึ่งจะช่วยในการค้าขายหยก FeiCui และคอรันดัมระหว่างไทย-จีน สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค และส่งเสริมให้การซื้อขายขยายตัวได้เพิ่มขึ้น

ขณะที่บทวิเคราะห์ของบริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด ระบุว่า ที่ผ่านมาราคาทองคำ spot ขึ้นไปสู่ระดับสูงสุดใหม่ที่ 2,195 เหรียญสหรัฐฯ เพราะได้รับแรงหนุนจากตลาด ที่ว่าปีนี้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะเริ่มลด ดอกเบี้ย แม้ขณะนี้ยังไม่ได้ลดจริง ขณะที่ราคาทองคำในประเทศขึ้นสู่ระดับสูงสุดแล้ว 10 ครั้งในปีนี้ล่าสุดอยู่ที่ 36,550 บาท ส่วนสัปดาห์นี้ คาดว่าราคาทองคำมีแนวรับที่ 2,160 เหรียญ และ 2,144 เหรียญ มีแนวต้านที่ 2,200 เหรียญ และ 2,250 เหรียญ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศ มีแนวรับ 36,200 บาท และ 36,000 บาท มีแนวต้านที่ 36,800 บาท และ 37,000 บาท.

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่