ราคาทองคำทะลุ 3.3 หมื่นบาท เงินบาทอ่อนยวบในรอบ 1 ปีเหตุต่างชาติเทขาย

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการซื้อขายหุ้นไทยเมื่อวันที่ 20 ก.ย.ว่า นักลงทุนเทขายหุ้นกดดัชนีปรับตัวลงแรง กังวลค่าเงินบาทอ่อนค่าลงแรง กดดันเงินไหลออก รวมทั้ง ยังมีความวิตกกับฐานะการคลังของไทย หลังมีการออกมาเผยว่าเตรียมออกพันธบัตรระยะยาวเพิ่มอีก ขณะที่นักลงทุนบางส่วนชะลอการลงทุนและเทขายเพื่อลดความเสี่ยงระหว่างรอผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และถ้อยแถลงของประธานเฟด เพื่อจับสัญญาณเศรษฐกิจสหรัฐฯและทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งถัดไป หลังอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ยังขยายตัวสูง

ส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทยมาปิดทำการที่ระดับ 1,507.90 จุด ลดลง 15.06 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 54,247.52 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องอีก 2,253.44 ล้านบาท ทั้งนี้ ตลอดทั้งสัปดาห์นี้หุ้นไทยปรับตัวลงทั้งสิ้นกว่า 43 จุด

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าค่าเงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 36.07 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าสุดในรอบ 12 เดือน จากปิดตลาดวันก่อนหน้าที่ 35.95 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ

“ในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าบาทผันผวนอ่อนค่าลง แกว่งตัวในช่วง 35.92-36.08 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ตามจังหวะการปรับตัวขึ้นของทั้งบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และเงินดอลลาร์ การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และเงินดอลลาร์สหรัฐฯเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากผู้เล่นในตลาด รอลุ้นผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ในช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดีที่ 21 ก.ย. ตามเวลาในประเทศไทย”

ทั้งนี้ การอ่อนค่าของเงินบาทเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายไปมาก โดยอ่อนค่าหนักกว่าสกุลเงินเอเชียอย่างเห็นได้ชัด สะท้อนว่าการอ่อนค่าของเงินบาท อาจมาจากปัจจัยในประเทศ ส่วนหนึ่งมาจากแรงขายสินทรัพย์ไทยของนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะบอนด์ หลังนักลงทุนต่างชาติไม่มั่นใจต่อแนวโน้มปริมาณการออกบอนด์ของรัฐบาล นอกจากนี้ แรงขายเงินดอลลาร์จากฝั่งผู้ส่งออกได้ชะลอลงไปมาก เนื่องจากผู้ส่งออกส่วนใหญ่อาจทยอยขายเงินดอลลาร์ไปพอสมควรแล้วในช่วงก่อนหน้า ทำให้การอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้าน 35.85 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ และเปิดโอกาสให้เงินบาทอ่อนค่าต่อทดสอบโซนแนวต้านถัดไปแถว 36.30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ

“ไฮไลต์สำคัญคือปัจจัยต่างประเทศที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด คือ ผลการประชุม FOMC ที่จะรับรู้ในช่วงเวลา 01.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย ของเช้าตรู่วันพฤหัสบดีนี้ โดยประเมินว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 5.25-5.50% แต่ก็ไม่ปิดโอกาสที่ดอกเบี้ยนโยบายใหม่ เพราะเฟดมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยต่อได้ 1 ครั้งในปีนี้”

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวราคาทองคำ วันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา สมาคมค้าทองคำ ได้ประกาศราคาทองคำปรับตัวสูงสุดเป็นประวัติ การณ์ ล่าสุดประกาศครั้งที่ 3 ช่วง 11.00 น. ราคาทองแท่งขายออก 33,050 บาท ทองรูปพรรณขายออก 33,550 บาท โดยเมื่อวันที่ 20 ก.ย. มีการปรับตัวขึ้นลง 6 ครั้ง โดยเพิ่มขึ้น 100 บาทต่อทองคำ 1 บาท และทองคำแท่งรับซื้อ 32,800 บาท ขายออก 32,900 บาท ทองรูปพรรณรับซื้อ 32,215 บาท ขายออก 33,400 บาท

นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ภาพรวมราคาทองคำในประเทศวันที่ 20 ก.ย. เปิดตลาดปรับตัวขึ้นสูงสุด เป็นประวัติการณ์ เป็นผลมาจากเงินบาทที่อ่อนค่าลงกว่า 36 บาท หากนับตั้งแต่ต้นปีนี้ จนถึงล่าสุดเงินบาทอ่อนค่าลงมาแล้ว 11% ทำให้ราคาทองคำในประเทศไทยสูงขึ้น แตะระดับ 33,050 บาทต่อ 1 บาททองคำ ราคาทองคำในตลาดโลกอยู่ที่ 1,930 ดอลลาร์/ออนซ์ หากค่าเงินบาทไม่อ่อนค่าลงมาระดับนี้ ราคาทองคำในประเทศจะอยู่ที่ 29,000 บาท

“แนวโน้มราคาทองคำ แม้ราคาเพิ่มขึ้นแรง แต่ไม่น่าเกินระดับแนวต้านที่ 33,400 บาท เพราะค่าเงินบาทไม่น่าอ่อนค่ารุนแรงต่อเนื่อง จึงต้องติดตาม ภาครัฐและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่าจะมีแนวทางอย่างไรกับเงินบาทอ่อนค่า ผมมองว่าราคาที่เด้งขึ้นแรงระดับนี้ เป็นจังหวะของการทยอยขายทำกำไร”.