YLG ลุ้นทองแตะบาทละ 30,400 ในระยะยาว แนะจับตา 5 ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคา

Investment

Gold

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

YLG ลุ้นทองแตะบาทละ 30,400 ในระยะยาว แนะจับตา 5 ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคา

Date Time: 10 ก.ค. 2564 09:07 น.

Video

บรรยง พงษ์พานิช แกะปมเศรษฐกิจไทยโตต่ำ ฟื้นช้า พร้อมแนะทางออก

Summary

  • YLG เปิดทิศทางทองคำครึ่งปีหลัง 64 มองสัญญาณยังเป็นบวก ให้เป้าระยะยาวที่ 1,960 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ลุ้นแตะบาทละ 30,400 พร้อมให้เกาะติด 5 ปัจจัยที่จะส่งผลต่อราคาทองคำในประเทศ

Latest


YLG เปิดทิศทางทองคำครึ่งปีหลัง 64 มองสัญญาณยังเป็นบวก ให้เป้าระยะยาวที่ 1,960 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ลุ้นแตะบาทละ 30,400 พร้อมให้เกาะติด 5 ปัจจัยที่จะส่งผลต่อราคาทองคำในประเทศ

เมื่อวันที่ 9 ก.ค.64 นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ YLG กล่าวว่า ราคาทองคำในตลาดโลกช่วงครึ่งแรกของปี 64 ปรับตัวลดลง 6-7% ส่วนหนึ่งมาจากแรงขายหลังการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ประจำเดือน มิ.ย.ที่ส่งสัญญาณเตรียมถอนคันเร่งนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจทางการเงิน

แต่ล่าสุด รายงานการประชุมชี้ว่ากรรมการเฟดส่วนใหญ่มองว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในขณะนี้ยังไม่สอดคล้องกับเป้าหมายของเฟดที่ต้องการเห็นเศรษฐกิจ substantial further progress สะท้อนว่าเฟดยังคงระมัดระวังในการตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่รอบของการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในแต่ละปีจะปรับตัวขึ้นไปในช่วงไตรมาสที่ 3-4 และจะเริ่มปรับลดลงในไตรมาสที่ 1-2 ทำให้อาจเห็นสัญญาณบวกอีกครั้งในครึ่งปีหลัง โดยการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในปีนี้ก็ยังถือว่าเป็นไปในทิศทางเดียวกับปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เมื่อต้นปี YLG ได้ให้เป้าหมายการเคลื่อนไหวของราคาทองคำไว้ที่ 1,960 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งในครึ่งปีแรกที่ผ่านมาราคาทองคำก็เข้าไปใกล้เป้าหมายดังกล่าว แต่ยังไม่สามารถผ่านไปได้ จึงปรับตัวลดลงเพื่อสะสมกำลังอีกครั้ง ส่วนครึ่งหลังของปี 64 นี้ YLG ยังมองว่าราคาทองคำมีโอกาสปรับขึ้นไปทดสอบเป้าหมายดังกล่าวอีกครั้ง หากเฟดยังไม่เร่งถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือหากการระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตารุนแรงขึ้น

"ในปี 64 ราคาทองคำในประเทศมีแนวโน้มจะปรับตัวมากขึ้นราคาทองคำในตลาดโลก เพราะราคาทองคำในประเทศได้รับแรงหนุนจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าทะลุ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ทองไทยมีลุ้นแตะ 30,400 บาทต่อบาททองคำ หากราคาทองโลกแตะเป้า 1,960 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์"


สำหรับปัจจัยที่มีผลต่อราคาทองคำในครึ่งหลังของปีนี้หลักๆ มาจาก 5 ปัจจัยได้แก่

1. นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ แม้ว่าช่วงครึ่งปีแรกจะมีความกังวลเรื่องเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วกว่าที่คาด แต่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจแม้จะเริ่มมีสัญญาณดีขึ้นแต่ก็ไม่ได้ดีพอที่จะทำให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ดีประเด็นนี้ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าการประชุมของเฟดในแต่ละครั้งจะส่งสัญญาณอย่างไรบ้าง เพราะหากเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย หรือ เริ่มต้นลดวงเงิน QE เร็วกว่าคาด จะถือเป็นความเสี่ยงด้านต่ำต่อการคาดการณ์เชิงบวกของราคาทองคำ

2. การแพร่ระบาดของโควิด 19 ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องจับตา แม้ทั่วจะมีการกระจายวัคซีนอย่างแพร่หลาย แต่การกลายพันธุ์ของเชื้อโควิด 19 ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

3. ค่าเงินสกุลหลัก ทั้งดอลลาร์สหรัฐ และยูโร เป็นสกุลเงินที่มีผลต่อการไหลเข้าออกของเงินลงทุนในตลาดทองคำ โดยราคาทองคำส่วนมากจะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับดอลลาร์สหรัฐ และเคลื่อนไหวทิศทางเดียวกับยูโร แต่ก็มีบางครั้งที่ทองคำเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับดอลลาร์สหรัฐ เช่น กรณีที่นักลงทุนโยกเงินจากสินทรัพย์เสี่ยงเข้าลงทุนสินทรัพย์ปลอดภัย ซึ่งหมายถึง ทองคำ และดอลลาร์สหรัฐ

4. อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี ซึ่งหากผลตอบแทนเริ่มลดลงนักลงทุนก็เริ่มประเมินว่าเส้นทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มมีความเสี่ยง และจะเป็นปัจจัยหนุนราคาทองในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ย

5. อุปสงค์ทองคำ ทั้งกระแสเงินทุนไหลเข้า-ออก กองทุน ETF ทองคำ อุปสงค์ทองคำกายภาพจากจีนและอินเดีย และแรงซื้อทองคำจากธนาคารกลาง

สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในทองคำในช่วงครึ่งปีหลังนั้นมีคำแนะนำแบ่งพอร์ตการลงทุนเป็นการลงทุนทั้งในรูปแบบของทองคำตามราคาตลาดโลก และลงทุนทองคำในประเทศเพราะจากสถานการณ์ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าในช่วงนี้การลงทุนทองคำในประเทศจะทำให้ได้ผลตอบแทนที่ดีจึงสามารถแบ่งพอร์ตลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงได้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ