วายแอลจี คาดตลาดทองคึกคัก เผยปี 63 มีลุ้นเตะ 23,100 บาท

Investment

Gold

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

วายแอลจี คาดตลาดทองคึกคัก เผยปี 63 มีลุ้นเตะ 23,100 บาท

Date Time: 16 ธ.ค. 2562 22:29 น.

Video

ศิรเดช โทณวณิก Gen 3 ดุสิตธานี ธุรกิจที่เป็นมากกว่าโรงแรม | On The Rise

Summary

  • วายแอลจี คาดตลาดทองยังคึกคัก แม้จีน-สหรัฐผ่านข้อตกลงการค้าเฟส 1 เหตุระยะยาวยังเสี่ยงสูง เผยปี 63 ราคาทองมีลุ้นแตะ 23,100 บาท

Latest


วายแอลจี คาดตลาดทองยังคึกคัก แม้จีน-สหรัฐผ่านข้อตกลงการค้าเฟส 1 เหตุระยะยาวยังเสี่ยงสูง เผยปี 63 ราคาทองมีลุ้นแตะ 23,100 บาท

เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.62 นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) เปิดเผยว่า ล่าสุดจีนและสหรัฐฯมีการบรรลุข้อตกลงการค้า Phase one ร่วมกัน ทำให้จีนรอดพ้นจากการถูกสหรัฐฯเรียกเก็บภาษีนำเข้ารอบใหม่ ในอัตรา 15% ต่อสินค้าจีนวงเงิน 1.56 แสนล้านดอลลาร์ ในวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา แต่ราคาทองคำไม่ได้ปรับตัวลดลงจากการประกาศดังกล่าวมากนัก ส่วนหนึ่งเพราะตลาดรับรู้ข่าวนี้ไปบ้างแล้ว ประกอบกับสหรัฐฯยังเก็บภาษี 25% ต่อสินค้าจีนวงเงิน 2.5 แสนล้านดอลลาร์ต่อไป แม้ว่าจะลดภาษีต่อสินค้าจีนวงเงิน 1.2 แสนล้านดอลลาร์ลงเหลือ 7.5% แต่ภาษีนำเข้าส่วนใหญ่ยังมีผลบังคับใช้อยู่ สะท้อนข้อตกลงการค้า Phase One ไม่ดีมากพอจะทำให้ตลาดมั่นใจต่อสถานการณ์ในอนาคต นักลงทุนบางส่วนจึงยังคงถือครองทองคำ ที่อยู่ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเพื่อป้องกันความเสี่ยง

นางพวรรณ์ กล่าวต่อว่า สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดผลกระทบที่ล้วนแล้วแต่ส่งผลหนุนราคาทองคำในตลาดโลกให้ปรับตัวขึ้นถึง 15% ในปี 2562 ส่วนราคาทองคำในประเทศให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น 7.4% เนื่องจากสงครามการค้าที่ยืดเยื้อส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวลง จนทำให้เกิดความวิตกต่อว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯอาจเผชิญกับสภาวะเศรษฐกิจถดถอยในอนาคต ส่งผลกระตุ้นแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ อีกทั้งยังเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง แนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินธนาคารกลางทั่วโลก ไปสู่แนวโน้มเชิงผ่อนคลาย นอกจากนี้ยังเป็นที่มาที่ทำให้เกิดกระแสเงินทุนไหลเข้าทองคำ สะท้อนจากการถือครองทองคำจากกองทุน ETF ทั่วโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น พร้อมๆกับแรงเก็งกำไรของนักลงทุนในตลาดฟิวเจอร์ส COMEX ไม่เพียงเท่านั้นธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลกยังเพิ่มสัดส่วนการถือครองทองคำในพอร์ตเงินทุนสำรองระหว่างประเทศอีกด้วย

นางพวรรณ์ กล่าวต่อว่า ส่วนแนวโน้มราคาทองคำปี 2563 ยังต้องจับตาดูประเด็นเรื่องสงครามการค้าต่อเนื่อง เพราะแม้ว่าในระยะยาวยังไม่มีความชัดเจน แต่หากทั้ง 2 ประเทศหาข้อยุติได้ อาจเกิดแรงขายทองคำได้ จึงต้องประเมินสถานการณ์เป็นระยะ อย่างไรก็ตามคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐยังคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย ซึ่งจะทำให้ตลาดทองคำยังคงได้รับความสนใจ และหากราคาทองสามารถทรงตัวรักษาระดับเหนือ 1,445-1,390 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ หรือ 20,600-19,850 บาทต่อบาททองคำ จะยังมีโอกาสที่ราคาจะแตะระดับสูงสุดของปี 2562 บริเวณ 1,557-1,535 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 22,250-21,900 บาทต่อบาททองคำ และหากทรงตัวในระดับนี้ได้ จะมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปต่อที่ระดับ 1,603-1,616 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 22,900-23,100 บาทต่อบาททองคำ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของราคาช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย. ปี 2556

"การเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯจะกลายเป็นปัจจัยกดดันทองคำ ก็ต่อเมื่อเกิดความคืบหน้ามากพอจะทำให้ตลาดคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) จะเปลี่ยนจุดยืนการดำเนินนโยบายการเงิน จากการผ่อนคลายนโยบายการเงินไปสู่การกลับมาคุมเข้มนโยบายการเงิน ตราบใดที่ทั้ง 2 ประเทศยังไม่สามารถแก้ปัญหาในประเด็นหลัก ที่เกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าได้ ก็จะเป็นปัจจัยหนุนทองคำที่อยู่ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย พร้อมกับสนับสนุนให้ธนาคารกลางทั่วโลกเดินหน้าผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อไป ซึ่งจะช่วยหนุนราคาทองคำต่อไปในปี 2563" นางพวรรณ์ กล่าว


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ