ราคาทองคำโลกยังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากยังมีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงของนโยบายการเงิน และสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง ทำให้ความต้องการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น
หากไปดูราคาทองคำไทยจะพบว่าเพิ่มขึ้นจากต้นปี 29.42% โดยราคาทองคำล่าสุด ณ เวลา 9.48 น. วันนี้ เปลี่ยนแปลง (ครั้งที่ 2) ราคาทองคำแท่งขายออกอยู่ที่บาทละ 43,550 บาท เพิ่มขึ้นบาทละ 9,900 บาท จากต้นปี ที่ราคาทองคำแท่งขายออกอยู่ที่ราว 33,650 บาท
อย่างไรก็ดี “กองทุนทองคำ” กลายเป็นหนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในทองคำแต่ไม่ต้องการถือครองทองคำจริง ซึ่งสามารถเข้าถึงการลงทุนทองคำในตลาดโลกได้ง่าย ๆ และบางกองยังมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อให้ผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนได้รับใกล้เคียงกับราคาทองคำจริง ๆ ขณะเดียวกัน ผู้ลงทุนก็มีสิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้จากการซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ด้วย
ในครั้งนี้ “Thairath Money” รวบรวมข้อมูล 10 กองทุน ที่เน้นการลงทุนในทองคำแท่งหรือธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดนับตั้งแต่ต้นปี จาก Morningstar Thailand พบว่าทำกำไรได้สูงถึง 38% ดังนี้
1.KT-PRECIOUS หรือ กองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ โกลด์ แอนด์ เพรเชียส เอคควิตี้
เน้นลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับทองคำและโลหะมีค่า โดยเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Franklin Gold and Precious Metals Fund (Master Fund) ซึ่งเป็นกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนทั่วไป (Retail Fund) เพียงกองเดียว โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชี ไม่น้อยกว่า 80% และมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (ในรูปสกุลเงินบาท) ตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน โดยพบว่านับตั้งแต่ต้นปีให้ผลตอบแทนกว่า 38.18% มูลค่าขั้นต่ำในการซื้อหน่วยลงทุน 1 บาท
2.DAOL-GOLDRMF หรือ กองทุนเปิด ดาโอ โกลด์ แอนด์ ซิลเวอร์ อิควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ
เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของ Jupiter Asset Management Series Plc. - Jupiter Gold & Silver Fund (กองทุนหลัก) Class I (USD) ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เพียงกองทุนเดียวเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% โดยเน้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการสำรวจ การพัฒนา และการผลิตทองคำและเงิน รวมถึงกองทุนอีทีเอฟที่สะท้อนความเคลื่อนไหวของราคาทองคำหรือเงิน เพื่อกระจายการลงทุนในทรัพย์สินประเภทต่าง ๆ โดยพบว่านับตั้งแต่ต้นปีให้ผลตอบแทนกว่า 36.42% มูลค่าขั้นต่ำในการซื้อหน่วยลงทุน 1 บาท
3.KKP GOLD หรือ กองทุนเปิดเคเคพี โกลด์
เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมหลักในต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว คือ SPDR Gold MiniShares Trust (กองทุนหลัก) โดยกองทุนหลักมีวัตถุประสงค์การลงทุนให้ผลการดำเนินงานของกองทุนสะท้อนผลการดำเนินงานของราคาทองคำแท่งหลังหักค่าใช้จ่ายของกองทุนหลักแล้ว ทั้งนี้ กองทุนจะลงทุนในกองทุนหลักโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม พบว่านับตั้งแต่ต้นปีให้ผลตอบแทนกว่า 28.60% มูลค่าขั้นต่ำในการซื้อหน่วยลงทุน 1,000 บาท
4.SCBGOLDE หรือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์โกลด์ (ชนิดช่องทางอิเล็กทรอนิกส์)
มีนโยบายสร้างผลตอบแทนตามความเคลื่อนไหวของราคาทองคำแท่งที่เปิดเผยไว้อย่างแพร่หลาย และกองทุนจะสร้างผลตอบแทนโดยอ้อมผ่านการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอีทีเอฟทองคำต่างประเทศ คือ SPDR Gold Trust กองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน ซึ่งรวมถึงการป้องกันความเสี่ยง (Hedging) จากการลงทุน พบว่านับตั้งแต่ต้นปีให้ผลตอบแทนกว่า 28.27% มูลค่าขั้นต่ำในการซื้อหน่วยลงทุน 1 บาท
5.ES-GOLDBULLION-UH หรือ กองทุนเปิดอีสท์สปริง ทองคำแท่ง-UH
เน้นลงทุนโดยตรงในทองคำแท่ง (Physical gold หรือ Gold bullion) ในต่างประเทศเป็นหลัก โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยทองคำแท่งที่กองทุนลงทุน เป็นทองคำแท่งที่มีมาตรฐานและผ่านการรับรองจากหน่วยงานซึ่งเป็นที่ยอมรับในอุตสาหกรรมผู้ค้าทองคำในระดับสากล พบว่านับตั้งแต่ต้นปีให้ผลตอบแทนกว่า 27.18% มูลค่าขั้นต่ำในการซื้อหน่วยลงทุน 1 บาท
6.PRINCIPAL iGOLD-E หรือ กองทุนเปิดพรินซิเพิล โกลด์ อินคัม E
เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR Gold Trust เพียงกองทุนเดียว โดยกองทุนมีนโยบายลงทุนในทองคำแท่ง เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของราคาทองคำ ซึ่งบริหารจัดการโดย World Gold Trust Services, LLC โดยกองทุนดังกล่าวได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่น และตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง พบว่านับตั้งแต่ต้นปีให้ผลตอบแทนกว่า 26.89% มูลค่าขั้นต่ำในการซื้อหน่วยลงทุน 500 บาท
7.BGOLD หรือ กองทุนเปิดบัวหลวงโกลด์ฟันด์
เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR Gold Trust (กองทุนหลัก) เพียงกองทุนเดียว โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน พบว่านับตั้งแต่ต้นปีให้ผลตอบแทนกว่า 26.86% มูลค่าขั้นต่ำในการซื้อหน่วยลงทุน 500 บาท
8.UOBSG-N หรือ กองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท โกลด์ ชนิดไม่จ่ายเงินปันผล
ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR Gold Trust กองทุนหลักจัดตั้งและบริหารจัดการโดย World Gold Trust Services, LLC มุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามกองทุนหลัก โดยกองทุนหลักใช้กลยุทธ์การบริหารกองทุนเชิงรับ (Passive Management) พบว่านับตั้งแต่ต้นปีให้ผลตอบแทนกว่า 26.73% ไม่กำหนดมูลค่าขั้นต่ำในการซื้อหน่วยลงทุน
9.KF-HGOLD กองทุนเปิดกรุงศรีโกลด์เฮดจ์
กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ และเป็นกองทุนรวมหน่วยลงทุนที่ลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งหน่วยลงทุนของกองทุนรวมเพียงกองทุนเดียว (Feeder Fund) ซึ่งเป็นกองทุนรวมทองคำแบบทั่วไป สำหรับผู้ลงทุนทั่วไป (retail fund) และรับซื้อคืนหน่วยลงทุน พบว่านับตั้งแต่ต้นปีให้ผลตอบแทนกว่า 26.65% มูลค่าขั้นต่ำในการซื้อหน่วยลงทุน 500 บาท
10.KGDRMF หรือ กองทุนเปิดเค โกลด์เพื่อการเลี้ยงชีพ
กองทุนเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR Gold Trust (กองทุนหลัก) ซึ่งลงทุนในทองคำแท่งเพื่อสร้างผลตอบแทนก่อนหักค่าใช้จ่ายให้ใกล้เคียงกับการเคลื่อนไหวของราคาทองคำแท่งในตลาดโลก และป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 90% ของมูลค่าเงินลงทุนต่างประเทศ พบว่านับตั้งแต่ต้นปีให้ผลตอบแทนกว่า 26.53% มูลค่าขั้นต่ำในการซื้อหน่วยลงทุน 500 บาท
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้