ในปัจจุบันที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวลง รวมถึงการเกิดภาวะเงินเฟ้อ ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ เร่งขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่เร็วขึ้น ส่งผลให้การลงทุนเพื่อหาผลตอบแทนสูง
สุดเป็นไปได้ยาก แต่อย่างไรก็ดียังมีโอกาสการลงทุนอีกมากในภูมิภาคนี้ ไม่เพียงแต่การลงทุนในประเทศไทยเท่านั้น เพราะปัจจุบันเป็นการลงทุนที่ไร้พรมแดน สามารถหาโอกาสทำกำไรจากการลงทุนได้ หากมีการลงทุนที่เหมาะสม
ล่าสุดธนาคารกรุงไทย จับมือ ฟิเดลิตี้ บริษัทจัดการกองทุนระดับโลก เพื่อสร้างประสบการณ์การลงทุนใหม่ ด้วยผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับลูกค้าธนาคาร พร้อมข้อมูลเชิงลึกจากทีมนักวิเคราะห์ของฟิเดลิตี้ ตั้งเป้าขยายฐานกลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่ง (เวลธ์) ให้เติบโต 100% ภายใน 3 ปี จากปัจจุบันมีกว่า 200,000 ราย
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงไทยเดินหน้านำเทคโนโลยีมาพัฒนาบริการด้านการบริหารสินทรัพย์ หรือ Wealth Tech เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มเวลธ์ให้เติบโต 100% ภายใน 3 ปี จากปัจจุบันธนาคารมีลูกค้าที่มีสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) ตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป จำนวนกว่า 200,000 ราย โดยจะมาจากฐานลูกค้าเดิมที่มีอยู่แล้ว 40 ล้านราย พร้อมทั้งหาฐานลูกค้าใหม่ๆ เข้ามามากขึ้น
ความร่วมมือจาก ฟิเดลิตี้อินเตอร์เนชันแนล (Fidelity International) บริษัทจัดการลงทุนระดับโลก จะทำให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการ และนำเสนอโซลูชันทางการเงินที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า รวมถึงยกระดับบริการด้านการลงทุนของธนาคารแบบครบวงจร ทั้งการเป็นที่ปรึกษาการลงทุนส่วนบุคคล การแนะนำจัดสรรพอร์ตเงินลงทุน กลยุทธ์การจับจังหวะตลาดเพื่อลงทุน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ลงทุนที่หลากหลาย และบริการด้านบทวิเคราะห์
ในเบื้องต้น ธนาคารกรุงไทย ฟิเดลิตี้ และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงไทย (KTAM) จะร่วมจัดตั้งกองทุนรวมที่เข้าลงทุนกระจายในหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลก จำนวน 3 กองทุน โดยแยกตามเป้าหมายผลตอบแทนและความเสี่ยง ซึ่งกองทุนนี้จะได้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญเพื่อสามารถบริหารกองทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพจากทั้งสามพันธมิตรองค์กร ซึ่งปัจจุบันทั้ง 3 กองทุนอยู่ระหว่างขั้นตอนการขออนุญาตจากสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) คาดว่าจะสามารถทยอยออกมาให้บริการได้ในช่วงไตรมาสที่ 3/66 ของปีนี้
ส่วนช่องทางการให้บริการผลิตภัณฑ์ทางการเงินดังกล่าว จะมีการพิจารณาความเหมาะสมว่าจะสามารถออกได้ในช่องทางใด เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถให้บริการได้ทั้งในออนไลน์อย่าง แอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และ Krungthai NEXT รวมถึงในออฟไลน์อย่างบริการที่สาขากรุงไทย รวมถึงการขายในช่องทางอื่นๆ เช่น Open Architecture
ด้านนายราจีฟ มิตตัล กรรมการผู้จัดการ ฟิเดลิตี้ อินเตอร์เนชันแนล ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมญี่ปุ่น) กล่าวว่า ฟิเดลิตี้ เห็นถึงศักยภาพและแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจการบริหารความมั่งคั่งของเอเชียอย่างก้าวกระโดด จึงมุ่งเน้นขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ในครั้งนี้ จะเปิดโอกาสให้ฟิเดลิตี้นำความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ด้านการลงทุน มาผนวกกับความเข้าใจในตลาดและลูกค้าในไทยของธนาคารกรุงไทย จะทำให้สามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่หลากหลายให้กับลูกค้าได้
ภายใต้ความร่วมมือนี้ ฟิเลดิตี้จะให้การสนับสนุนธนาคารกรุงไทยครอบคลุมหลายด้าน เช่น ด้านผลิตภัณฑ์การลงทุน ด้านการให้คำแนะนำการลงทุน และด้านการพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมบุคลากร เพื่อประโยชน์สูงสุดของนักลงทุนไทย