การปรับตัวลงแรงของดัชนีตลาดหุ้นไทยกว่า 11.87% ตั้งแต่ต้นปี 2568 ทำให้เม็ดเงินบางส่วนไหลออกไปยังตลาดตราสารหนี้ จน Market Cap. หุ้นไทยเหลือเพียง 14.6 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปี ที่มีระดับต่ำกว่ามูลค่าคงค้างตราสารหนี้ไทย โดย บล.เอเซีย พลัส ชี้ให้เห็นว่า ภาวะดังกล่าวอาจเป็นโอกาสทองสำหรับนักลงทุนที่มองหา "หุ้นดีราคาถูก" ก่อนที่เงินทุนจะไหลกลับเข้าตลาดหุ้นอีกครั้ง
หนึ่งในประเด็นสำคัญที่น่าจับตามองคือ ขนาดมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap.) ของหุ้นไทย ล่าสุดอยู่ที่เพียง 14.6 ล้านล้านบาท ขณะที่มูลค่าคงค้างของตราสารหนี้ไทยพุ่งขึ้นไปถึง 17.1 ล้านล้านบาท นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2552 ที่ Market Cap. ของตลาดหุ้นไทยต่ำกว่าตราสารหนี้ที่สูงถึง 17.1 ล้านล้านบาท ถึง 2.5 ล้านล้านบาท
ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด คาดการณ์ว่า เม็ดเงินจากตราสารหนี้มีโอกาสไหลกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยในระยะถัดไป โดยมี 3 เหตุผลหลักที่เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ได้แก่
สำหรับในเชิงเทคนิค ดัชนีตลาดหุ้นไทยล่าสุดลงมาอยู่ที่ 1,170 จุด ต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย SMA 125 วัน ถึง 206 จุด และหลุดต่ำกว่า -2SD ซึ่งเป็นสัญญาณว่าตลาดปรับตัวลงอย่างรุนแรงเกินกว่าปกติในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน นักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับมาสลับสถานะเป็นฝั่งซื้อใน SET50 Futures ติดต่อกัน 3 วัน รวมกว่า 42,790 สัญญา บ่งชี้ว่าแรงกดดันจากกระแสเงินทุนไหลออก (Fund Flow) อาจเริ่มลดลง
ดังนั้น ฝ่ายวิจัยฯ แนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นที่มี PBV ต่ำกว่า 1 เท่า และมี Earning Yield มากกว่า 4% โดยหุ้นเด่นที่น่าสนใจ ได้แก่ BCP, TOP, AP, SPALI, SIRI, PTTEP, BBL, PTT, TU, LH, CPF, JMART, SCGP, SCC, STECON เป็นต้น
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้
การเก็บรวบรวมข้อมูลนี้นำไปใช้เพื่อ กิจกรรมทางการตลาดโดย ยึดหลัก ปฏิบัติตามนโยบายคุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคล