ช่วงที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยเต็มไปด้วยความผันผวน ทำให้นักลงทุนจำนวนมากเริ่มมองหาโอกาสในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำของสหรัฐฯ หรือหุ้นตลาดเกิดใหม่ที่มีศักยภาพสูง
อย่างไรก็ตาม ทางเลือกในการลงทุนมีมากมาย ซึ่งแต่ละแบบก็มีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน วันนี้ “Thairath Money” จึงรวบรวม 4 ทางเลือกที่นักลงทุนไทยนิยมใช้ มาช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ดังนี้
1.ลงทุนโดยตรงในหุ้นต่างประเทศ
หนึ่งในวิธีที่ตรงไปตรงมาที่สุดคือการเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นต่างประเทศกับโบรกเกอร์ที่รองรับ จากนั้นก็จะสามารถเลือกซื้อขายหุ้นในตลาดต่างประเทศโดยใช้สกุลเงินของประเทศนั้น ๆ
ข้อดีของวิธีนี้คือสามารถเลือกหุ้นที่ต้องการลงทุนได้เองโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่หรือหุ้นเติบโตสูง แต่สิ่งที่ต้องพิจารณาคือ การลงทุนโดยตรงมักต้องใช้เงินทุนเริ่มต้นสูง บางโบรกเกอร์กำหนดขั้นต่ำหลักหมื่นถึงหลักแสนบาท
อีกทั้งยังต้องคำนึงถึงค่าธรรมเนียมที่อาจสูงกว่าหุ้นไทย ทั้งค่าซื้อขาย และค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงิน นอกจากนี้ กำไรจากการขายหุ้นยังอาจต้องเสียภาษีตามกฎหมายด้วย
2.ETF (Exchange Traded Fund)
หากการลงทุนโดยตรงดูยุ่งยากเกินไป ETF อาจเป็นตัวเลือกที่ง่ายขึ้น โดย ETF คือกองทุนรวมที่ซื้อขายเหมือนหุ้นและมีสินทรัพย์อ้างอิงเป็นหุ้นต่างประเทศ นักลงทุนสามารถซื้อขาย ETF ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทยได้ โดยไม่ต้องเปิดบัญชีหุ้นต่างประเทศ
โดยข้อดีของ ETF คือใช้เงินลงทุนน้อยกว่า เริ่มต้นเพียงหลักพันบาท หรือ 100 หน่วยลงทุน และสามารถซื้อขายได้ตามเวลาตลาดหุ้นไทย อย่างไรก็ตาม นักลงทุนไม่สามารถเลือกหุ้นรายตัวได้เอง เพราะ ETF จะลงทุนในหุ้นหลายตัวตามดัชนีที่กำหนดไว้ อีกทั้งยังมีค่าธรรมเนียมกองทุนที่ต้องพิจารณาด้วย
3.DR (Depositary Receipt)
อีกทางเลือกหนึ่งที่ได้รับความนิยมคือ DR หรือ Depositary Receipt ซึ่งเป็นตราสารที่อ้างอิงหุ้นต่างประเทศ แต่สามารถซื้อขายในตลาดหุ้นไทยโดยใช้เงินบาท วิธีนี้ช่วยให้นักลงทุนเข้าถึงหุ้นต่างประเทศได้โดยไม่ต้องเปิดบัญชีต่างประเทศ
ทั้งนี้ DR สามารถเริ่มต้นลงทุนได้ด้วยเงินเพียง 1 หน่วยลงทุน ซื้อขายได้สะดวกในเวลาตลาดหุ้นไทย และได้รับการยกเว้นภาษีกำไรจากการขาย ขณะเดียวกัน ผู้ถือ DR จะได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เสมือนไปลงทุนในหลักทรัพย์ที่อยู่ต่างประเทศโดยตรงด้วย
4.DRx (Fractional Depositary Receipt)
สำหรับนักลงทุนที่มีงบจำกัด DRx เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะเป็นเวอร์ชันที่ย่อส่วนของ DR ทำให้สามารถซื้อขายเป็นหน่วยย่อยได้ เช่น 0.0001 หน่วย ซึ่งช่วยให้ผู้ที่มีงบน้อยสามารถลงทุนในหุ้นต่างประเทศได้ง่ายขึ้น โดยยังคงความสะดวกในการซื้อขายผ่านตลาดหุ้นไทย
แต่ต้องมีการเปิดบัญชีซื้อขาย DRx โดยเฉพาะ และเปิดให้ลงทุนตามเวลาของตลาดหุ้นประเทศนั้นๆ เช่น ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซื้อขายได้เฉพาะเวลา 20.00-04.00 น. ตามเวลาประเทศไทยเท่านั้น อย่างไรก็ตาม การลงทุนใน DRx ได้รับการยกเว้นภาษีกำไรจากการขายเช่นเดียวกับ DR อย่างไรก็ตาม สภาพคล่องของ DRx อาจต่ำในบางตัว และมีค่าธรรมเนียมที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม ราคาของ DR และ DRx จะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับหลักทรัพย์ที่อ้างอิง แต่อาจมีปัจจัยเพิ่มเติมอย่างอัตราแลกเปลี่ยนที่เข้ามามีบทบาท หากค่าเงินผันผวน อาจทำให้ราคาของ DR และ DRx เคลื่อนไหวต่างไปจากสินทรัพย์อ้างอิงในตลาดต้นทางได้
นอกจากนี้ DRx ยังมีปัจจัยเรื่องอัตราส่วนของการอ้างอิงสินทรัพย์ต่างประเทศ ซึ่งถูกกำหนดโดยผู้ออกตราสาร (Issuer) นักลงทุนจึงควรศึกษาข้อมูลรายละเอียดจากเอกสารสรุปข้อสนเทศให้รอบคอบ
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้
การเก็บรวบรวมข้อมูลนี้นำไปใช้เพื่อ กิจกรรมทางการตลาดโดย ยึดหลัก ปฏิบัติตามนโยบายคุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคล