Thairath OnlineThairath PlusThairath SportThairath TVMIRROR

มีเงินเย็นรอช้อน 10 หุ้นปันผลฉ่ำ สูงสุด 9.5% โอกาสทยอยซื้อสะสม ช่วงตลาดหุ้นไทยผันผวน

Date Time: 4 มี.ค. 2568 11:26 น.

Summary

  • ตลาดหุ้นไทยกำลังเผชิญแรงกดดันรอบด้าน ท่ามกลางความผันผวนนี้ "หุ้นปันผล" กลายเป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจ เพราะช่วยสร้างกระแสเงินสดและลดความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน

ตลาดหุ้นไทยเผชิญความผันผวนอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา จากปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน ทั้งสงครามการค้าที่กลับมาร้อนแรง รวมถึงการตั้งกำแพงภาษีที่ส่งผลกระทบต่อการค้าโลก ขณะที่ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 4/2567 ก็ออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ฯ คาดการณ์ ซึ่งอาจสร้างแรงกดดันต่อตลาดในระยะถัดไป

ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่กดดันตลาด กลยุทธ์การลงทุนใน “หุ้นปันผล” จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากนักลงทุนสามารถรับกระแสเงินสดจากเงินปันผลได้ แม้ราคาหุ้นจะปรับตัวลงในระยะสั้น

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อราคาหุ้นปรับฐาน อัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) จะยิ่งสูงขึ้น ทำให้นักลงทุนระยะยาวสามารถสะสมหุ้นพื้นฐานดีในราคาที่ถูกลง ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่นิยมใช้ในช่วงตลาดขาลง

และเพื่อให้กลยุทธ์หุ้นปันผลมีประสิทธิภาพสูงสุด นักลงทุนควรพิจารณาหุ้นที่มีอัตราเงินปันผลตอบแทนสูง และมีแนวโน้มกำไรเติบโตต่อเนื่องในระยะยาว นอกจากนี้ การกระจายพอร์ตการลงทุนในหลายอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ จะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนในระยะยาว

กำไรบริษัทจดทะเบียนกดดัชนี แนะสะสมหุ้นปันผลสูง 

บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุในว่า เบื้องต้นกำไรบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 4/67 ไม่ถึง 1.4 แสนล้านบาท (ไม่รวมการบินไทย) โดยมีอุตสาหกรรมที่เติบโตทั้งจากไตรมาสก่อนและจากปีก่อน ได้แก่

  • กลุ่มท่องเที่ยว (TOURISM)
  • กลุ่มค้าปลีก (COMM)
  • กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (CONMAT)
  • กลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ (TRANS)
  • กลุ่มประกันภัยและประกันชีวิต (INSUR)
  • กลุ่มเหล็กและผลิตภัณฑ์โลหะ (STEEL)
  • กลุ่มวัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักร (IMM)
  • กลุ่มของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ (PERSON)

ส่งผลให้กำไรปี 2567 ไม่รวมการบินไทย อยู่ที่ 9 แสนล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น (EPS) ปี 2567 ราว 74 บาท/หุ้น เท่านั้น โดยกำไรที่หายไปเกิดจากรายการพิเศษหลายบริษัท

ซึ่งยังมีความเสี่ยงที่จะมีการปรับลดประมาณการจากนักวิเคราะห์ ซึ่งการปรับลดลงนั้นจะส่งผลกดดันต่อตลาดหุ้นไทย โดยตอนนี้ฝ่ายวิจัยเอเซีย พลัส ให้ EPS ปี 2568 ที่บริเวณ 89 บาท/หุ้น

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสผันผวนจากประเด็นกำแพงภาษี การปรับลดประมาณการกำไรในช่วงนี้ อีกทั้งยังเห็นเม็ดเงิน FCD (เงินฝากในสกุลเงินต่างประเทศ) ขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 2.6 หมื่นล้านเหรียญ กดดันตลาดหุ้นไทยเพิ่มเติม

โดยแนะนำสะสมหุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ปี 2568 เกิน 5% เพื่อหลบความผันผวน โดยมีรายชื่อ 10 บริษัท ดังนี้

  1. TOP คาด Dividend Yield ปี 2568 ที่ระดับ 9.5%
  2. SIRI คาด Dividend Yield ปี 2568 ที่ระดับ 9.5%
  3. SCB คาด Dividend Yield ปี 2568 ที่ระดับ 8.8%
  4. SPALI คาด Dividend Yield ปี 2568 ที่ระดับ 7.8%
  5. AP คาด Dividend Yield ปี 2568 ที่ระดับ 7.0%
  6. KBANK คาด Dividend Yield ปี 2568 ที่ระดับ 6.4%
  7. PTT คาด Dividend Yield ปี 2568 ที่ระดับ 6.3%
  8. TU คาด Dividend Yield ปี 2568 ที่ระดับ 5.8%
  9. PTTGC คาด Dividend Yield ปี 2568 ที่ระดับ 5.7%
  10. BBL คาด Dividend Yield ปี 2568 ที่ระดับ 5.4%


อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ 


เราใช้คุ้กกี้

เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น

อ่านเพิ่มเติมคลิก(Privacy Policy) และ (Cookie Policy)