บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC เป็นบริษัทในเครือเซ็นทรัล ผู้นำธุรกิจ Luxury Retail มีการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องในไทย เวียดนาม และอิตาลี มุ่งเน้นการเติบโตผ่านการขยายธุรกิจค้าปลีก ค้าส่ง และการพัฒนาช่องทางดิจิทัล (Omni-channel) ให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่และเสริมสร้างประสบการณ์การช็อปปิ้งที่ครบวงจรทั้งออนไลน์และออฟไลน์แบบไร้รอยต่อ
ล่าสุด CRC ได้รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ของปี 2567 เติบโตอย่างแข็งแกร่งมีรายได้รวม 63,114 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิ 2,129 ล้านบาทเพิ่มขึ้นถึง 86% ซึ่งมาจากการบริหารจัดการทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพในด้าน 3C (Cash, Cost, Capex)
โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 CRC มีรายได้รวม 193,538 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากปีก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิ 5,960 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบปีที่แล้ว
การเติบโตดังกล่าวมาจากการขยายธุรกิจในไทย, เวียดนาม และอิตาลี รวมถึงการเพิ่มแบรนด์ใหม่ๆ ในพอร์ตโฟลิโอของ CRC โดยมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจในไทยกว่า 70% เวียดนาม 20% และอิตาลี 7% กับเครือข่ายร้านค้าภายใต้แบรนด์ค้าปลีกและค้าส่งทั้งหมด 3,759 ร้านค้า พร้อมกับตั้งเป้าสัดส่วนในอนาคต ไทย 65% เวียดนาม 25% และอิตาลี 10%
ธุรกิจของ CRC ในประเทศ คนไทยรู้จักกันดี ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจแฟชั่นผ่านห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล, ธุรกิจฮาร์ดไลน์กับร้านไทวัสดุ และบีเอ็นบี โฮม, ธุรกิจฟู้ดภายใต้แบรนด์ Tops Daily, Tops Market และ Central Food Hall, Go Wholesale ธุรกิจพร็อพเพอร์ตี้ ศูนย์การค้าโรบินสันและแบรนด์ค้าปลีกต่างๆ อาทิ เพาเวอร์บาย, ออฟฟิศเมท, บีทูเอส เป็นต้น
แม้ตลาดในไทยเป็นตลาดหลักของ CRC ซึ่งแต่ละปีมีอัตราเติบโตที่พอจะประมาณการได้จากแผนการขยายการลงทุนว่าควรจะเติบโตในระดับเท่าใด
แต่สิ่งที่ตื่นเต้นสำหรับ CRC และเป็นอนาคตที่สำคัญก็คือตลาดเวียดนามที่มีอัตราการเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง จากนโยบายการเปิดรับการลงทุนจากต่างประเทศในช่วงที่ผ่านมาจะเห็นได้จากบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกได้ย้ายฐานการลงทุนเข้าไปที่นั่น ซึ่งช่วยขับเคลื่อนตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับสูงมาต่อเนื่อง
เวียดนามตลาดขนาดใหญ่มีประชากรใกล้สู่ระดับ 100 ล้านคน อายุระหว่าง 15-54 ปี มีสัดส่วนถึง 70% ทำให้ประชากรวัยหนุ่มสาวและวัยทำงานเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดของประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและการเติบโตของตลาดที่พึ่งพาผู้บริโภครุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อและไลฟ์สไตล์ทันสมัย
กลุ่มเซ็นทรัลได้เข้าไปลงทุนในเวียดนามมาตั้งแต่ปี 2555 หรือ 12 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันนับว่าเป็นผู้นำค้าปลีกต่างชาติอันดับหนึ่งในธุรกิจไฮเปอร์มาร์เก็ต (King of Food Retail) และอันดับสองในธุรกิจศูนย์การค้า (King of Mall) ยอดขายเติบโตต่อเนื่องปีที่ผ่านมาที่ระดับ 47,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นกว่า 160 เท่า เมื่อเทียบกับยอดขายในปีแรกที่มีเพียง 2 สาขา กับยอดขายเพียง 300 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลเวียดนามได้ดำเนินการกวาดล้างการคอร์รัปชั่นอย่างเข้มข้น เพื่อต้องการสร้างความโปร่งใสและประสิทธิภาพการบริหารประเทศ ยังให้การลงทุนในปีที่ผ่านมาของ CRC ได้หยุดชะงักลงเพราะไม่มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงตัดสินใจอนุมัติแผนการลงทุน และส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจทำให้ยอดขายในเวียดนามปีที่ผ่านไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
สำหรับปีนี้ การลงทุนของ CRC กลับมาเดินหน้าต่อในธุรกิจซุปเปอร์มาร์เก็ต go! (มินิ โก!) ในเวียดนาม เตรียมขยายเพิ่มอีก 4 สาขา ซึ่งจะทำให้มีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 14 สาขา ใน 10 จังหวัด ภายในสิ้นปี 2567
ขณะที่ ศูนย์การค้า GO! และไฮเปอร์มาร์เก็ต GO! เร่งเครื่องขยายเพิ่มอีก 2 สาขา ได้แก่ สาขา Bac Lieu และสาขา Ninh Thuan เพื่อสร้างการเติบโต ตอบรับกับเศรษฐกิจของเวียดนามที่อยู่ในช่วงขาขึ้น โดยตั้งเป้าปิดปี 2567 ด้วยจำนวนศูนย์การค้า GO! ทั้งสิ้น 42 สาขา ใน 32 จังหวัดทั่วประเทศเวียดนาม
ในปัจจุบันกลุ่มเซ็นทรัลกลายเป็นผู้นำ Luxury Retail นับตั้งแต่การขยายการลงทุนธุรกิจห้างสรรพสินค้าในยุโรปอย่างมีนัยสำคัญเมื่อ 13 ปีที่ผ่านมาสามารถสร้างอาณาจักรห้างหรู ณ สิ้นเดือน ก.ย. 2567 มีสาขาใน 7 ประเทศ 36 เมือง 40 สาขา โดย CRC เข้าซื้อกิจการห้างรีนาเชนเต ในประเทศอิตาลี
ส่วนการลงทุนของกลุ่มเซ็นทรัลเองตั้งแต่ซื้อกิจการ 100% หรือร่วมทุนกับพันธมิตร ได้แก่ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ห้างโกลบุส, เดนมาร์ก ห้างอิลลุม, อังกฤษ เซลฟริดเจส, ไอร์แลนด์ ห้างอาร์นอตส์ และบราวน์ โทมัส, เนเธอร์แลนด์ ห้างดีแบนคอร์ฟ, เยอรมนี ห้างคาเดเว โอเบอร์โพลลิงเกอร์ และอัลสแตร์เฮาส์
สำหรับห้างรีนาเชนเต เป็นห้างที่เก่าแก่และมีประวัติยาวนานกว่า 158 ปี หลังจากเข้าซื้อกิจการ CRC ได้ปรับโฉมห้างให้กลายเป็น Luxury Store และสร้างความสำเร็จที่โดดเด่นจนห้างรีนาเชนเตกลายเป็น Luxury Retail อันดับ 1 ในอิตาลี เป็น Tourist Destination จำหน่ายสินค้าแบรนด์เนมระดับลักชัวรี่แบบไร้คู่แข่ง พร้อมทั้งมีสาขาในเมืองแฟชั่นสำคัญระดับโลก เช่น มิลาน และโรม โดยเปิดตัวแพลตฟอร์มออนไลน์และบริการใหม่ ๆ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินค้าระดับโลกได้สะดวก
ในปี 2566 ห้างรีนาเชนเตทำยอดขายใหม่สูงสุดในประวัติศาสตร์ถึง 1,000 ล้านยูโร สร้างความภาคภูมิใจให้กับ CRC ในฐานะธุรกิจค้าปลีกไทยรายแรกที่ประสบความสำเร็จในตลาดอิตาลี ใน 9 สาขา ใน 8 เมืองสำคัญ ที่เป็นศูนย์กลางด้านแฟชั่นและการช็อปปิ้งระดับโลก ได้แก่ สาขามิลาน, โรม เวีย เดล ตริโตเน, โรม เปียซซาฟิอุเม, ตูริน, ฟลอเรนซ์, คัลยารี, ปาแลร์โม, กาตาเนีย และมอนซ่า รวมพื้นที่ทั้งสิ้นกว่า 74,000 ตารางเมตร ด้วยจำนวนพนักงานกว่า 5,000 คนล่าสุด
พร้อมยกระดับสู่ The Next-Level Luxury Retail เสริมแกร่งในด้าน King of Luxury, King of Fashion และ King of Network ตอกย้ำการเป็นผู้นำตลาดลักชัวรี่ระดับเวิลด์คลาส
ซึ่งหนึ่งในแผนก็คือการลงทุนติดกับห้างรีนาเชนเต มิลาน (Rinascente Milano Duomo) ซึ่งถือว่าเป็นสาขาแลนด์มาร์กสำคัญ ติดกับมหาวิหารดูโม เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของเมืองมิลาน ภายใต้ชื่อ รีนาเชนเต โอเดโอน (Rinascente Odeon Beauty Hall) พื้นที่กว่า 3,000 ตารางเมตร มีแบรนด์ความงามมากกว่า 300 แบรนด์ รวมถึงสกินแคร์ น้ำหอม และบิวตี้บาร์ พร้อมบริการห้องทรีทเมนต์และการแพทย์ความงามชั้นสูง รวมถึงกิจกรรมเปิดตัวสินค้าพิเศษด้วย
มูลค่ากว่า 40 ล้านยูโร และคาดว่าจะสร้างรายได้มากกว่า 80 ล้านยูโรในปีแรก จะเปิดให้บริการในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2570 โดยจะดึงดูดผู้เข้าใช้บริการมากกว่า 3 ล้านคน รวมไปถึงการปรับปรุงและขยายพื้นที่ชั้นล่างของ Rinascente Milano Duomo สำหรับเครื่องประดับและนาฬิกาหรู เพิ่มพื้นที่ขายเป็น 2,000 ตารางเมตร ทั้งนี้จะช่วยเสริมความสำคัญของ Rinascente Milano Duomo และส่งเสริมเมืองมิลานให้กลายเป็นจุดหมายปลายทางด้านแฟชั่นและความงามระดับโลก
นอกจากจะรายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุดแล้ว CRC ยังได้เปิดเผยว่าบอร์ดบริหารได้มีมติแต่งตั้ง “สุทธิสาร จิราธิวัฒน์” เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แทน “ญนน์ โภคทรัพย์” ซึ่งจะเกษียณอายุ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2568 เป็นต้นไป
“ญนน์ โภคทรัพย์” เข้ามาบริหาร CRC ในปี 2561 ด้วยประสบการณ์โชกโชนทางด้านธุรกิจค้าปลีกและธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ก่อนที่ CRC จะขายหุ้น IPO ในปี 2562 นับเป็นการเสนอขายหุ้นที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นไทย สามารถระดมทุนได้สูงถึง 78,124 ล้านบาท
วิสัยทัศน์ และความเป็นผู้นำของ “ญนน์” มีผลอย่างมากต่อการเติบโตและพัฒนาของกลุ่มธุรกิจค้าปลีก ทั้งการลงทุนแบบ Organic ซึ่งเป็นการเติบโตที่เกิดจากภายในองค์กรเอง และ Inorganic เป็นการเติบโตที่เกิดจากการเข้าซื้อกิจการหรือการร่วมมือกับธุรกิจอื่น ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถขยายตลาดหรือเพิ่มฐานลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ถ้าหากมีศักยภาพและคลิกกับยุทธศาสตร์ของ CRC ในเวลาที่เหมาะสม และราคาที่รับได้จะตัดสินใจทันที
ที่ผ่านมาได้มีการปรับโฉมร้านค้าและการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ ๆ การเติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่องให้แก่กลุ่ม Luxury ของเซ็นทรัล รีเทล พร้อมตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำที่สร้างประสบการณ์ที่เหนือกว่าให้แก่ลูกค้า และเดินหน้ายกระดับธุรกิจค้าปลีกของเซ็นทรัล รีเทล สู่มาตรฐานระดับโลก
ผลงานที่โดดเด่นของเขาคือการพัฒนาแพลตฟอร์ม Omni-channel เป็นการผสานระหว่างธุรกิจออฟไลน์และออนไลน์เข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ จนประสบความสำเร็จสร้างยอดขายในแพลตฟอร์มนี้มีสัดส่วนถึง 20% เมื่อเทียบกับยอดขายรวมทั้งหมด
การนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานในทุกมิติ นำระบบที่เรียกว่า Human AI มาผสานกันเอามาใช้วิเคราะห์ข้อมูล บริหารสต็อกสินค้า การจัดทำโปรโมชั่น เข้าถึงระดับบุคคล
ที่สำคัญก็คือการนำ CRC พ้นวิกฤตจากผลกระทบโควิด-19 ได้เพียง 2 ปี สามารถผลักดันยอดขายให้เติบโตและมีมูลค่าสูงกว่าก่อนเกิดวิกฤตการณ์นี้ได้
ทางด้าน “สุทธิสาร จิราธิวัฒน์” เป็นหนึ่งในผู้บริหาร CRC และนับว่าเป็นหนึ่งใน “กูรูรีเทล” เริ่มต้นทำงานกับ CRC ตั้งแต่ปี 2540 ริเริ่มก่อตั้งพัฒนาธุรกิจฮาร์ดไลน์ ร้านไทวัสดุ ให้เป็นศูนย์รวมสินค้าก่อสร้างและตกแต่งบ้านที่มีคุณภาพสูง ปัจจุบันมีกว่า 80 สาขาทั่วประเทศ รวมทั้งก่อตั้งเพาเวอร์บาย ศูนย์รวมจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, และสินค้าไอที เป็นต้น
หนึ่งในผลงานโดดเด่นของ “สุทธิสาร” การพลิกร้าน “ซูเปอร์สปอร์ต” ผู้นำธุรกิจค้าปลีกสินค้ากีฬาอันดับหนึ่งในประเทศไทยให้กลับมามีผลกำไรจากการประสบผลขาดทุนได้เพียงแค่ไม่กี่ปี
ในระหว่างนี้การส่งไม้ต่อเปลี่ยนผ่านของประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CRC จาก “ญนน์” ไปสู่ “สุทธิสาร” จะค่อยเป็นค่อยไปจนถึง 1 พ.ค. 2568 ที่จะมีผลอย่างเป็นทางการต่อไป
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้คาดว่าจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับกลยุทธ์ของ CRC และต่อยอดการเติบโตในอนาคต สู่การเป็นผู้นำตลาดค้าปลีกในระดับโลกต่อไป
ติดตามข่าวสารด้านการตลาด กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดี" ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/business_marketing
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -
https://www.facebook.com/ThairathMoney