จับตาให้ดีกับการรุกเข้มตลาดรถเมืองไทยของค่าย “บีวายดี” (BYD) หนึ่งในผู้นำตลาดรถยนต์ในประเทศจีน ที่นับวันจะมาแรงทั้งในตลาดรถที่ประเทศจีน และตลาดรถระดับโลก ซึ่งรวมทั้งตลาดรถบ้านเรา
เพราะนับวันบีวายดีมีแต่จะยกระดับการทำตลาดรถในไทยอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง
โดยภายหลังจากที่บีวายดีประสบความสำเร็จในการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั้ง 3 รุ่นในไทย คือ ATTO 3, Seal และ Dolphin จนสามารถก้าวทะยานเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในบ้านเราอย่างมั่นคง
ขณะเดียวกันเพื่อยึดส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ในไทยมากขึ้น บีวายดียังได้สร้างความฮือฮาด้วยการระเบิดสงครามราคาอย่างต่อเนื่องในช่วงกลางปีนี้
ทำเอาค่ายรถคู่แข่งทั้งค่ายรถจีน ค่ายรถร่วมมาตุภูมิ และค่ายรถญี่ปุ่น รวมทั้งค่ายรถยุโรป และเกาหลี พากันว้าวุ่น ต้องโดดมาเล่นสงครามราคากันจ้าละหวั่น
ล่าสุด เพื่อตอกย้ำว่าบีวายดีมีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ในการรุกเข้มตลาดรถเมืองไทย และพร้อมใช้ไทยเป็นอีกฐานผลิตใหญ่เพื่อการส่งออกสำหรับรถรุ่นพวงมาลัยขวา จึงนอกจากมีการทุ่มเม็ดเงินในการสร้างโรงงานผลิตรถยนต์บีวายดี พร้อมแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ที่ จ.ระยอง ประเทศไทย
บีวายดียังได้เข้าร่วมถือหุ้น 20% ใน “บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด” ผู้แทนจำหน่ายบีวายดีในประเทศไทยเพื่อหวังร่วมกันผลักดันการเติบโตของบีวายดีในประเทศไทย เพราะมั่นใจว่าตลาดยานยนต์ไฟฟ้าในไทยจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยการเข้าร่วมทุนในครั้งนี้จะช่วยเสริมศักยภาพในการขยายตลาด และช่องทางการขายใหม่ๆ เพื่อสนับสนุนการเติบโตของตลาดรถยนต์บีวายดีในไทย
ขณะเดียวกัน บีวายดี ก็เช่นเดียวกับค่ายรถยนต์จีนรายอื่นๆ ที่ได้ปรับยุทธศาสตร์ในการทำตลาดรถยนต์ใหม่ โดยไม่ได้มุ่งแต่เฉพาะการทำรถยนต์ไฟฟ้า 100% หรือ BEV เพียงอย่างเดียว แต่ได้หันมาทำตลาดยานยนต์พลังงานใหม่ หรือ NEV ซึ่งมีความหมายครอบคลุมทั้งรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด หรือ PHEV อันเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และยังช่วยตอบโจทย์สำหรับผู้ยังลังเลที่จะใช้รถยนต์ไฟฟ้า เพราะรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดรุ่นใหม่ๆ ของจีน สามารถวิ่งได้ระยะทางไกลกว่ารถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดของค่ายรถญี่ปุ่นและยุโรป ที่สำคัญยังมีราคาที่ถูกกว่า
สำหรับบีวายดีก็มีเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดที่โดดเด่นตามแบบฉบับของบีวายดี เรียกว่า เทคโนโลยี DM-i ที่ย่อมาจาก Dual Mode รวมกับคำว่า Intelligent ซึ่งหมายถึงระบบขับเคลื่อนปลั๊กอินไฮบริดรูปแบบใหม่ที่มีอัตราสิ้นเปลืองพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าเข้าด้วยกัน แต่ต่างจากรถไฮบริดทั่วไปตรงที่แบตเตอรี่สำหรับขับเคลื่อนมีขนาดใหญ่กว่า และยังสามารถชาร์จไฟจากภายนอกเข้าไปที่แบตฯได้ด้วย
โดยเทคโนโลยี DM-i ซึ่งล่าสุดเป็น DM-i Super Hybrid 4.0 มีจุดเด่นที่นอกจากจะประหยัดพลังงานกว่า เสียงค่อยกว่า ราคาถูกกว่า แล้วชาร์จไฟฟ้าครั้งหนึ่งยังวิ่งได้ระยะทางถึง 1,200 กม. เมื่อมีการวิ่งควบระหว่างไฟฟ้ากับน้ำมัน
เทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด DM-i Super Hybrid (4.0) ยังมีจุดเด่นในเรื่องประสิทธิภาพของการรักษาความร้อนของเครื่องยนต์ได้ดีถึง 43.04% และรองรับการขับขี่ได้ไกลถึง 1,245 กม. รวมถึงแพลตฟอร์ม e4 Platform ที่มาพร้อมเทคโนโลยีมอเตอร์ควบคุมแรงบิดของแต่ละล้อโดยตรง ซึ่งช่วยมอบกำลังสูงสุด 1,100 แรงม้า
ทางบีวายดีและบริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ได้ฤกษ์จะเริ่มแนะนำในตลาดบ้านเราตั้งแต่วันที่ 8 ส.ค.นี้ นั่นคือ รถยนต์บีวายดี ซีไลออน 6 (BYD Sealion 6) ซึ่งจัดอยู่ในเซ็กเมนต์ ซี-เอสยูวี โดยจะเป็นรถยนต์ประกอบในประเทศไทย ที่ จ.ระยอง
สำหรับรถยนต์บีวายดี ซีไลออน 6 หรือ BYD Sealion 6 จะเป็นอาวุธสำคัญของบีวายดีในตลาดรถทั่วโลก เพราะบีวายดีมั่นใจว่าด้วยความโดดเด่นของเทคโนโลยี DM-i Super Hybrid 4.0 ของบีวายดี และยังจะทำให้ผู้บริโภคที่ยังลังเลไม่กล้าใช้รถยนต์ไฟฟ้าล้วน ให้หันมาใช้รถปลั๊กอินไฮบริดซึ่งติดตั้งเทคโนโลยี DM-i จะช่วยหนุนส่งให้ยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่ของบีวายดีในตลาดทั่วโลก ซึ่งรวมทั้งประเทศไทยได้พุ่งพรวดมากขึ้น
ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนในเรื่องชื่อรุ่น ทางบีวายดีได้ตกลงที่จะเรียกชื่อรถใหม่รุ่นนี้ให้เหมือนกันหมดทั่วโลก (ยกเว้นที่จีน) ว่า “บีวายดี ซีไลออน 6” (BYD Sealion 6) จากเดิมที่เรียกกันทั่วไป “บีวายดี ซีล ยู ดีเอ็ม-ไอ” (BYD SEAL U DM-i)
ส่วนที่ประเทศจีนจะยังคงใช้ชื่อรุ่นว่า “บีวายดี ซ่งพลัส” (BYS SONG+)
ทางบีวายดีมั่นใจว่ารถบีวายดี ซีไลออน 6 จะได้สวยในตลาดทั่วโลก เช่นเดียวกับที่ประสบความสำเร็จในประเทศจีน ซึ่งรถรุ่นนี้ได้มีการเปิดตัวในจีนมาแล้ว 3 ปี มียอดขายสะสมทะลุ 1 ล้านคัน ถือเป็นการยืนยันถึงความสำเร็จแห่งเทคโนโลยี DM-i ของบีวายดี
โดยนอกจากจะทำตลาดในไทยแล้ว ขณะนี้บีวายดียังได้เริ่มทำการตลาดรถรุ่นนี้ในอีกหลายประเทศ เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และอีกหลายประเทศในยุโรป
สำหรับรถยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด หรือ PHEV ที่จีนนั้นได้รับการตอบรับที่ดียิ่ง โดยปีที่แล้วมียอดขายรวมกันกว่า 3.6 ล้านคัน ซึ่งรถปลั๊กอินไฮบริด 1 ใน 3 คันที่ขายได้ในจีนคือรถของบีวายดี โดยความนิยมในรถปลั๊กอินไฮบริดที่จีนสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ทำให้หลายโรงงานของบีวายดีต้องปรับเปลี่ยนสายพานการผลิตจากรถยนต์ไฟฟ้ามาเป็นรถปลั๊กอินไฮบริดแบบฉับพลัน
ทางบีวายดีจึงเชื่อว่าบีวายดี ซีไลออน 6 ที่มาพร้อมเทคโนโลยี DM-i จะประสบความสำเร็จในไทยและในตลาดประเทศอื่นๆ
ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ การทำตลาดในไทยของบีวายดีในไทย นอกจากแนะนำรถเอสยูวี บีวายดี ซีไลออน 6 ที่ติดตั้งเทคโนโลยี DM-i เป็นหัวหมู่ทะลวงฟันยอดขายแล้ว
บีวายดียังได้ฤกษ์จะเปิดตัวรถแบรนด์หรูอีกแบรนด์ นั่นคือ Denza ซึ่งเป็นรถเอ็มพีวีหรูไฟฟ้า นั่นคือ Denza D9 และยังมีรถเอสยูวีหรูปลั๊ก-อินไฮบริดที่ใช้เทคโนโลยี DM-i อย่าง Denza N8 โดยช่วงนี้อยู่ระหว่างการแต่งตั้งดีลเลอร์เฉพาะแบรนด์ Denza โดยมีโชว์รูมและศูนย์บริการที่ตั้งแยกจากโชว์รูมบีวายดี
ทางบีวายดีมั่นใจว่าแบรนด์ Denza จะไปได้ฉลุยในไทยแน่
ขณะเดียวกัน บีวายดี ยังมีอีกแบรนด์หรูที่ผู้บริโภคชาวไทยให้ความสนใจไม่น้อย ได้แก่ แบรนด์ Yangwang (หยางว่าง) โดยมีรถเอสยูวีหรู คือ Yangwang U8 (ราคาที่จีน ประมาณ 5 ล้านบาท) และรถซุปเปอร์สปอร์ต Yangwang U9 (ราคาที่จีน ประมาณ 8 ล้านบาท)
บีวายดีก็มีความสนใจจะทำตลาดในไทยเช่นกัน แต่ต้องใช้เวลาในการสร้างภาพลักษณ์ โดยหากตัดสินใจแน่นอนว่าจะขายรถแบรนด์ Yangwang ในไทยแน่ ก็จะให้ดีลเลอร์ Denza ในไทย รับผิดชอบการขายอีกแบรนด์
ไม่รู้ว่าจะเป็นรายการส้มหล่นใส่ตีนบวม หรือทุกขลาภ กันแน่หนอ?!?
ติดตามข่าวสารอัปเดต เศรษฐกิจ เศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจในประเทศ บทวิเคราะห์เศรษฐกิจ ที่จะทำให้ "การเงินดีชีวิตดี" ล่าสุด ได้ที่นี่
ข่าวเศรษฐกิจ : https://www.thairath.co.th/money/economics
เศรษฐกิจในประเทศ : https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ
เศรษฐกิจโลก : https://www.thairath.co.th/money/economics/world_econ
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney