นักท่องเที่ยวอินเดีย กำลังซื้อจ่อพุ่งอันดับ 7 ของโลก โรงแรมยักษ์ใหญ่ ปักหมุดขยายสาขา

ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ “อินเดีย” ได้รับการพูดถึงมากขึ้นในระดับโลก และเริ่มมีบทบาทสำคัญต่อแนวโน้มการค้าการลงทุน ทั่วโลกให้การจับตามองว่า “อินเดีย” จะขึ้นมาเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับ 3 แทนที่ญี่ปุ่น โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักจากเศรษฐกิจที่เติบโตสูงเฉลี่ยปีละ 8% และจำนวนประชากรมากที่สุดในโลก 1,400 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัยคนหนุ่มสาว

ด้วยเศรษฐกิจที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ทำให้กลุ่มคนชนชั้นกลางขยายตัวอย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยการเพิ่มขึ้นของกำลังซื้อ ส่งผลให้ในช่วงหลังเราเห็นคนอินเดีย เดินทางออกนอกประเทศมากขึ้น

ข้อมูลล่าสุดโดย World Travel & Tourism Council พบว่า ในปี 2566 นักท่องเที่ยวชาวอินเดีย ใช้จ่ายไปมากกว่า 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม ระดับการท่องเที่ยวของอินเดียในปัจจุบันนั้น “น้อยมาก” เมื่อเทียบกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต Alan Watts(อลัน วัตส์)ประธาน Hilton ประจำภูมิภาคภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ให้สัมภาษณ์กับ “Squawk Box Asia” เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

 “เรื่องราวของอินเดียอยู่ตรงหน้าเราแล้ว การเดินทางออกนอกประเทศของอินเดีย จะมีบทบาทสำคัญในทศวรรษหน้า”

ภายในปี 2577 การใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเป็น 7.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามรายงาน ผลกระทบทางเศรษฐกิจประจำปี 2567 ของ World Travel & Tourism Council  ซึ่งจะทำให้อินเดียกลายเป็นประเทศที่มีการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวสูงสุดเป็นอันดับ 7 ของโลก เพิ่มขึ้นจากอันดับที่ 12 ในปี 2566

อลัน วัตส์ กล่าวว่า 

“เมื่อคุณนึกถึงอินเดีย คุณจะเห็นว่าอินเดียมีลักษณะเฉพาะเหมือนกับจีน นั่นก็คือการเป็นตลาดโรงแรมที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก อินเดียมีประชากร 1,400 ล้านคน ประชากรวัยหนุ่มสาว และ GDP เติบโตอย่างแข็งแกร่งเป็นประวัติการณ์ แต่โครงสร้างพื้นฐาน เพิ่งจะถูกสร้างขึ้นตอนนี้”

อินเดียกำลังลงทุนอย่างหนักในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสร้างและปรับปรุงถนน รวมถึงรถไฟความเร็วสูง และสนามบิน เพื่อเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจเป็นสองเท่า เป็น 7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2573 ผลักดันเป้าหมายให้อินเดียเลื่อนสถานะเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ภายในปี 2617

ปัจจุบันอินเดียมีผู้โดยสารทางอากาศมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกาและจีน ตามข้อมูลของ Airports Council International และคาดว่าจะมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 960 ล้านคนภายในปี 2585

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา Air India ซึ่งเป็นสายการบินประจำชาติของประเทศ ได้ยืนยันคำสั่งซื้อเครื่องบิน Airbus จำนวน 100 ลำ ได้แก่ A350 จำนวน 10 ลำ และ A320neo จำนวน 90 ลำ หลังจากสั่งซื้อเครื่องบิน Airbus และ Boeing จำนวน 470 ลำ ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อที่มากที่สุดที่เคยมีมา เมื่อปี 2566 

แม้ว่าในท้ายที่สุดอินเดียจะมีบทบาทเช่นเดียวกับจีน ในอุตสาหกรรม การท่องเที่ยวระดับโลกหรือไม่ก็ตาม วัตส์ มองว่าอินเดียดูเหมือน จะมีลักษณะเฉพาะที่เหมาะสม ซึ่งเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อยู่ในช่วงขาขึ้นอีกครั้ง จะเห็นได้จากการที่อินเดีย มีการเดินทางออกนอกประเทศเติบโตเร็วกว่าจีนในอดีต

โรงแรมระดับโลก ปักหมุดขยายสาขา รับลูกค้ากระเป๋าหนัก

ธุรกิจโรงแรมระดับโลก กำลังเตรียมพร้อมต้อนรับจำนวนนักท่องเที่ยวหน้าใหม่ที่จะเพิ่มขึ้น อย่างรวดเร็ว โดยคาดว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ประชากรอินเดียหลายล้านคนจะขยับสถานะ เป็นชนชั้นกลาง โดยกลุ่มธุรกิจเชนโรงแรมยักษ์ใหญ่ เช่น Hilton มีการ ประกาศข้อตกลงในการเปิดโรงแรม Spark by Hilton จำนวน 150 แห่งในอินเดีย เมื่อวันที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นแบรนด์ "พรีเมียมอีโคโนมี" ที่เปิดตัวในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2566

ทั้งนี้ระหว่างการหารือเกี่ยวกับศักยภาพในการขยายโรงแรมแบรนด์ต่างๆ ในอินเดีย วัตส์ยืนยันว่าอินเดียจะมีแบรนด์โรงแรมหลากหลายเทียบเท่าลาสเวกัส ซึ่งตอนนี้แผนดังกล่าวได้รับความสนใจจากนักลงทุนภายนอกมากขึ้น

“สิ่งที่แตกต่างในการลงทุนอินเดียครั้งนี้ คือ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) นำมาซึ่งนักลงทุนรายใหญ่บางรายที่ปักหมุดอยู่ในอินเดียตอนนี้ และนั่นถือเป็นเรื่องใหม่” 

เช่นเดียวกับ Marriott, IHG, Hyatt และ Wyndham ที่กำลังลงทุนเพื่อขยายธุรกิจโรงแรมเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้นในอินเดีย โดย Marriott ประกาศแผนที่จะสร้างโรงแรม 250 แห่งในอินเดียภายในปี 2568

ที่มา

cnbc

ติดตามข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศ กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/economics/world_econ
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney