วันนี้ (17 ก.ค. 2567) ราคาทองคำโลก ทุบสถิติใหม่ทะลุ 2,480 ดอลลาร์ต่อออนซ์ รับความคาดหวังของตลาดท่ีเพิ่มขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะเริ่มปรับลดดอกเบี้ยในเดือน ก.ย.นี้ หลัง เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยเมื่อวันจันทร์ (15 ก.ค. 2567) ที่ผ่านมา ระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่สโมสรเศรษฐกิจแห่งวอชิงตัน ดี.ซี.
โดยเฟดจะไม่รอให้เงินเฟ้อเป้าหมายบรรลุที่ 2% แล้วค่อยลดดอกเบี้ย ตามที่เคยพูดไว้ เนื่องจากการส่งผ่านนโยบายการเงินไปยังเงินเฟ้อล่าช้าเกินไป ในขณะที่ผลกระทบจากการดำเนินนโยบายแบบเข้มงวดดำเนินอยู่ ซึ่งจะส่งผลให้เงินเฟ้อต่ำกว่า 2%
ทั้งนี้เฟด มีความมั่นใจมากขึ้นว่าเงินเฟ้อเริ่มปรับเข้ากรอบ เนื่องจากความร้อนแรงของตัวเลขทางเศรษฐกิจ ในเดือน มิ.ย.ที่ลดลง ทั้งดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (Headline CPI) ที่ลดลง 0.1% จากเดือนพฤษภาคม ส่งผลให้เงินเฟ้อรายปีปรับลดลงสู่ระดับ 3% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี อีกทั้งอัตราการว่างงานสหรัฐฯ ยังเพิ่มขึ้นมากกว่า 4% ครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน พ.ย.2564
การเติบโตของการจ้างงานในสหรัฐฯ มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้เล็กน้อย แต่ตัวเลขการจ้างงานของ 2 เดือนล่าสุดทำให้เห็นว่าตลาดแรงงานสหรัฐฯ อยู่ในภาวะชะลอตัวลง และอัตราการว่างงานมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้นักเศรษฐศาสตร์และนักลงทุนเริ่มกังวลกับสถานการณ์ของตลาดแรงงานสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตามตั้งแต่ต้นปี ราคาทองปรับเพิ่มขึ้นเกือบ 20% โดยได้แรงหนุนจากการเข้าซื้อจำนวนมากจากธนาคารกลาง และความต้องการซื้อที่แข็งแกร่งในจีน เพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวน ท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้นักวิเคราะห์ยังมองว่าหาก โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือน พ.ย. คาดว่าจะผลักดันให้ราคาทองคําสูงขึ้นไปอีก เสริมความแข็งแกร่งในฐานะ Safe Haven เพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนทางเศรษฐกิจ จากความตึงเครียด ระหว่างจีน-สหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากนโยบายมาตรการ กีดกันทางภาษีของทรัมป์ที่รุนแรงกว่า โจ ไบเดน ประธานธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบัน ซึ่งจะเก็บอัตราภาษีสูงสุดที่ 60% กับสินค้าที่นำเข้าจากจีน และเก็บภาษีอัตรา 10% กับสินค้าอื่นๆ ที่นำเข้ามาในสหรัฐฯ ซึ่งจะกระตุ้นให้เงินเฟ้อทั่วโลกพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง
ด้วยปัจจัยความไม่แน่นอนที่กล่าวมา นักวิเคราะห์ของ JPMorgan มองว่า อาจเห็นราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นแตะระดับ 2,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์โดยในช่วงปลายปีนี้
อ้างอิง
ติดตามข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศ กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/economics/world_econ
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMone