เมื่อวันที่ 20 มี.ค 2567 ที่ผ่านมา (ตามเวลาสหรัฐฯ) คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีมติเป็นเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 5.25%-5.50% ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ และเป็นระดับสูงสุดในรอบ 22 ปี นับเป็นการตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันครั้งที่ 5 หลังจากทำการขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาแล้ว 11 ครั้ง ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 ส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 5.25%
โดยผลสำรวจความคิดเห็น ประมาณการอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ในปี 2567 คณะกรรมการส่วนใหญ่คาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 3 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวมเป็น 0.75% ซึ่งจะทำให้ปลายปีนี้อัตราดอกเบี้ยปรับลดลงสู่ระดับ 4.50-4.75% สำหรับปี 2568 คณะกรรมการคาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง จากประมาณการเดิม 4 ครั้ง
นอกจากนี้ยังปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจ โดยคาดว่าในปีนี้เศรษฐกิจจะเติบโต 2.1% จากประมาณการเดิม 1.4% ในเดือน ธ.ค. ด้านอัตราว่างงานคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 4% จากระดับปัจจุบัน 3.9% รวมถึงปรับเพิ่มอัตราเงินเฟ้อที่คาดว่าปลายปีนี้จะอยู่ที่ 2.6% จากประมาณการเดิม 2.5%
ประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจ และคําแถลงการณ์ของเฟดมีความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยจากในเดือนธันวาคม และมกราคม โดยมองว่าปัจจุบันการจ้างงานยังคงแข็งแกร่ง และอัตราการว่างงานแม้จะเพิ่มขึ้น แต่ยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งสะท้อนถึงแนวโน้มเชิงบวกว่าเฟดจะสามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้
เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) กล่าวว่า รายงานภาวะเงินเฟ้อเมื่อต้นปี แสดงให้เห็นว่าแรงกดดันด้านราคายังคง "สูงขึ้น" แต่ไม่ได้เปลี่ยนภาพรวมของเศรษฐกิจ ซึ่งอัตราเงินเฟ้อค่อยๆ ลดลงสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% แม้ระหว่างทางจะต้องเผชิญกับความทุลักทุเลบ้าง.
ที่มา
อ่านข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/economics/world_econ
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้
https://www.facebook.com/ThairathMoney