หลังจากการประชุมนโยบายการเงินระหว่างวันที่ 18-19 มี.ค. ล่าสุดวันนี้ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้ประกาศยุตินโยบายดอกเบี้ยติดลบ โดยมีมติ 7 ต่อ 2 เสียง ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับ 0-0.1% จากระดับ -0.1% นับเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรก ตั้งแต่ปี 2559 ที่เริ่มประกาศใช้มาตรการคุมเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (YCC)
นอกจากนี้ BOJ ยังยุติมาตรการ YCC เครื่องมือผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม ที่ใช้ควบคุมอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาว ซึ่งก็คือดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี เพื่อควบคุมไม่ให้ต้นทุนการกู้ยืมสูงเกินไป ให้เศรษฐกิจโตได้ในภาวะฝืดเคือง รวมถึงยกเลิกการเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยง อย่างกองทุน ETF และทรัสต์เพื่อการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ของญี่ปุ่น (J-REITs) โดยตั้งแต่ปี 2553 รัฐบาลญี่ปุ่นเข้าซื้อกองทุน ETFs ไปแล้วมูลค่ากว่า 37 ล้านล้านเยน (8.8 ล้านล้านบาท) และ J-REITs มูลค่ารวม 6.5 แสนล้านเยน (1.6 แสนล้านบาท)
ทั้งนี้การยกเลิกมาตรการดังกล่าวคาดว่าจะช่วยฟื้นฟูตลาดพันธบัตรและตลาดหุ้นให้กลับทำงานได้อย่างอิสระมากขึ้น อย่างไรก็ตาม BOJ ย้ำว่าจะยังใช้นโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป โดยจะคงปริมาณการซื้อพันธบัตรรัฐบาลในระดับเดิม ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าญี่ปุ่นจะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบรุนแรงในระยะข้างหน้า
การตัดสินใจยุตินโยบายดอกเบี้ยติดลบ สอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ หลังตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญหลายตัวเคลื่อนไหวในทิศทางบวก ไม่ว่าจะเป็นอัตราเงินเฟ้อที่เคลื่อนไหวที่ระดับ หรือสูงกว่ากรอบเป้าหมาย 2% มาเป็นระยะเวลาเกือบ 1 ปี และผลการเจรจาปรับขึ้นค่าจ้างประจำปีล่าสุดที่ประสบความสำเร็จเหนือความคาดหมาย โดยจะมีการปรับขึ้นค่าจ้างโดยเฉลี่ย 5.28% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 33 ปี.
อ้างอิง
Bloomberg, Nikkeiasia
อ่านข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/economics/world_econ
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้
https://www.facebook.com/ThairathMoney