ข้อมูลจากสมาคมเพื่อการโทรคมนาคมทางการเงินระหว่างธนาคารทั่วโลก (SWIFT) ระบุว่า ในเดือน พ.ย. เงินหยวนของจีน แซงหน้าเงินเยนญี่ปุ่น ขึ้นเป็นสกุลเงิน ที่ถูกใช้ชำระเงินมากที่สุดในโลกเป็นอันดับ 4 เป็นรองเพียงสกุลเงินปอนด์สเตอร์ลิง ยูโร และดอลลาร์ โดยครองส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นที่ 4.6% จาก 3.6% ในเดือนก่อน
ปัจจุบัน มูลค่าการชำระเงินทั่วโลกด้วยสกุลเงินหยวนเพิ่มขึ้น 34.87% เมื่อเทียบกับเดือน ต.ค. ในขณะที่มูลค่าการชำระด้วยสกุลเงินทั้งหมดเพิ่มขึ้น 5.35%
นักเศรษฐศาสตร์ให้ความเห็นว่า สัดส่วนการใช้งานเงินหยวนที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ได้รับแรงหนุนหลักจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ต่ำของจีน แม้จะเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้เงินทุนไหลออกจากประเทศ เนื่องจากนักลงทุนเทขายพันธบัตรรัฐบาล แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นปัจจัยสนับสนุน ให้สกุลเงินหยวนได้เปรียบในการแข่งขันด้านการค้า
ปัจจุบัน อัตราดอกเบี้ยนโยบายของจีนอยู่ที่ 3.45% ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ อยู่ที่ 5.25%
ความต้องการเงินหยวนที่เพิ่มขึ้น สะท้อนผ่านส่วนแบ่งบริการธุรกรรมระหว่างประเทศ (Trade Finance) ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 5.7% ในเดือน พ.ย. จาก 5.1% ในเดือนก่อนหน้า ผลักดันให้สกุลเงินหยวนมีสัดส่วนการใช้งานมากเป็นอันดับ 2 แซงสกุลเงินยูโร เป็นครั้งแรกในเดือนกันยายน
เคลวิน เลา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจีนจาก Standard Chartered กล่าวว่า
“การที่ธนาคารกลางของจีนดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย ในขณะที่ธนาคารกลางตะวันตกรักษาอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับสูง กลายเป็นข้อได้เปรียบที่ดึงดูดคู่ค้าบางราย ที่ต้นทุนลดลงจากการทำการค้าด้วยสกุลเงินหยวน”
อ้างอิง