ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 เดือน ท่ามกลางผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ระดับ 4.6% หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 5.25%-5.50% เป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน หลังจากทำการขึ้นดอกเบี้ยมาแล้ว 11 ครั้ง ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่า Fed อาจจบวงจรดอกเบี้ยขาขึ้นแล้วในปีนี้
โดย The Bloomberg Dollar Spot Index ซึ่งติดตามค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอีก 10 สกุล พบว่า ซื้อขายลดลง 0.5% ในช่วงเที่ยงวันของวันที่ 2 พ.ย. (ตามเวลาสหรัฐฯ) ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดตั้งวันที่ 11 ก.ย. ปี 2566
อย่างไรก็ตาม ค่าเงินดอลลาร์ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 2% ในปี 2566 หลังจากพุ่งสูงขึ้นในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา เนื่องจาก Fed ยังคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงสุดในรอบ 22 ปี
นักลงทุนคาดว่าการตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้เป็นการส่งสัญญาณว่า Fed อาจจบวงจรดอกเบี้ยขาขึ้นแล้วในปีนี้ เนื่องจากตัวเลขในตลาดแรงงานเริ่มเข้าสู่จุดมสมดุล ในขณะที่เงินเฟ้อชะลอตัวมาอยู่ที่ 3.7 เป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นของตลาดว่าเงินดอลลาร์อาจเข้าใกล้จุดสูงสุดแล้ว
Erik Nelson นักกลยุทธ์ของ Wells Fargo ธนาคารรายใหญ่สหรัฐฯ กล่าวว่า
“ตลาดกำลังเคลื่อนไหวไปตาม Narrative การจัดการเงินเฟ้อแบบ Dovish ของ Fed และกดดันความต้องการเข้าซื้อ long dollar ทั้งนี้การเปิดเผยสถิติการจ้างงานเดือนตุลาคม ในวันศุกร์นี้ จะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจเกี่ยวกับทิศทางการเทขายเงินดอลลาร์”.
อ้างอิง