"ทูตหาน" ตอกย้ำจิตวิญญาณ "จีน" เปิดศักราชสังคมนิยมใหม่จะทันสมัยทุกมิติ

Economics

World Econ

Content Partnership

Content Partnership

Tag

"ทูตหาน" ตอกย้ำจิตวิญญาณ "จีน" เปิดศักราชสังคมนิยมใหม่จะทันสมัยทุกมิติ

Date Time: 2 ต.ค. 2566 06:00 น.
Content Partnership

Summary

  • ตลอด 74 ปีที่ผ่านมา ประชาชนจีนมีความสามัคคี และร่วมกันบากบั่นต่อสู้ จนประเทศจีนมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว และมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ในทุกวัน นายหาน จื้อเจียง เอกอัครราชทูตประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย กล่าว

ตลอด 74 ปีที่ผ่านมา ประชาชนจีนมีความสามัคคี และร่วมกันบากบั่นต่อสู้ จนประเทศจีนมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว และมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ในทุกวัน

นายหาน จื้อเจียง เอกอัครราชทูตประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย กล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์ กับหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ไทยรัฐทีวี และไทยรัฐออนไลน์

เขายังกล่าวด้วยว่า ปัจจุบันนี้ ประชาชนจีนทั่วทั้งประเทศกำลังมุ่งหน้าไปสู่การบุกเบิกครั้งใหม่เพื่อสร้างประเทศสังคมนิยมที่ทันสมัยอย่างรอบด้าน ด้วยจิตวิญญาณอันแรงกล้า พร้อมผลักดันการฟื้นฟูความรุ่งโรจน์ครั้งยิ่งใหญ่ของประชาชาติจีนด้วยความทันสมัยแบบจีนในทุกมิติ

“ในช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ประเทศจีนเป็นเครื่องจักรของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก และมีส่วนช่วยต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกคิดเป็นสัดส่วนเฉลี่ยมากกว่า 30% ในทุกปี...ในครึ่งแรกของปีนี้ (2566) เศรษฐกิจจีนขยายตัวแล้ว 5.5% ของ GDP เป็นการรักษาแนวโน้มการเจริญเติบโตที่ดี และมั่นคง แสดงให้เห็นถึงศักยภาพอันมหาศาลของประเทศจีนว่า ยังคงเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญต่อสันติภาพ และการพัฒนาของโลก”

และเมื่อพูดถึงการเชื่อมต่อ และการพัฒนาโลก เอกอัครราชทูตหาน ได้กล่าวถึง ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ผู้นำคนสำคัญของพวกเขาว่า ประธานาธิบดีสีได้เสนอข้อริเริ่ม 3 ข้อด้วยกัน ประกอบด้วย ข้อริเริ่มที่ว่าด้วยการพัฒนาระดับโลก ข้อริเริ่มว่าด้วยความมั่นคงระดับโลก และข้อริเริ่มว่าด้วยอารยธรรมระดับโลก เพื่อผลักดันการสร้างประชาคมโลกที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษยชาติ

สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจีนกับประเทศไทย ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านที่เชื่อมต่อกันด้วยภูเขา และแม่น้ำ เป็นญาติสนิทที่ผูกพันกันด้วยสายเลือด และเป็นหุ้นส่วนที่มีโชคชะตาร่วมกันนั้น

นายหานกล่าวว่า มิตรภาพจีน-ไทย มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และนับวันยิ่งแน่นแฟ้นขึ้นตามกาลเวลา เช่น เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ประธานาธิบดีสีได้เดินทางเยือนประเทศไทย และได้เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทั้งสองฝ่ายได้ประกาศว่า จะร่วมกันสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันทั้งจีนและไทย

และนี่เป็นการชี้ชัดถึงทิศทางการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในอนาคต โดยเฉพาะในอดีตจนถึงปัจจุบัน จีนได้เป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของประเทศไทยอย่างต่อเนื่องมาถึง 10 ปี

จีนยังเป็นตลาดส่งออกหลัก และแหล่งเงินทุนต่างประเทศหลัก พร้อมๆ กับเป็นแหล่งนักท่องเที่ยวหลักของไทยด้วย ด้วยสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ก่อให้เกิดความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกันระหว่างจีนกับไทย และได้นำความผาสุกอันยิ่งใหญ่มาสู่ประชาชนของทั้งสองประเทศให้มีอนาคตที่สดใสร่วมกัน

ท่านทูตหานยังกล่าวด้วยว่า ปีนี้ยังเป็นปีครบรอบ 48 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีน-ไทย และเป็นการเริ่มต้นทศวรรษที่สองของความสัมพันธ์แบบหุ้นส่วนที่ร่วมมือกันทางยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านระหว่างจีน-ไทย ภายใต้สถานการณ์ใหม่

แม้ความสัมพันธ์จีน-ไทย จะกำลังเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยระหว่างประเทศที่ซับซ้อน แต่ก็ยังได้พบกับโอกาสทางประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ โดยจีนยินดีที่จะทำงานร่วมกับรัฐบาลชุดใหม่ของไทยที่นำโดยนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน เพื่อสนับสนุนเสถียรภาพ ความมั่นคง และการพัฒนาของประเทศซึ่งกันและกัน

ตลอดจนถึงกระชับการแลกเปลี่ยน และความร่วมมือด้านต่างๆ ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับการส่งเสริมการสร้างประชาคมจีน-ไทย ที่มีอนาคตร่วมกันอย่างรอบด้าน

เอกอัครราชทูตหานกล่าวในท้ายที่สุดว่า ขอให้จีนและไทยเจริญรุ่งเรือง โดยประชาชนของทั้งสองประเทศอยู่เย็นเป็นสุข พร้อมๆ กันก็ขอให้มิตรภาพจีน-ไทย ยั่งยืนสถาพรตลอดไปชั่วกาลนาน

เมื่อพูดถึงขนาดของเศรษฐกิจจีนเวลานี้ หลายคนคงอยากทราบว่า รัฐบาลจีนสามารถรับมือกับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก และปัญหาภายในได้หรือไม่อย่างไร

ไทยรัฐกรุ๊ป ค้นหาคำตอบมาจนพบว่า เศรษฐกิจภายในประเทศของจีนมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรองรับปัญหาภายในที่เกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะข้อห่วงใยเรื่องธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์ต่อศาล

ทั้งนี้ สำนักงานเศรษฐกิจการค้าและการลงทุนของโลก ระบุว่า เมื่อเอา GDP ของโลกขึ้นมาถ่วงน้ำหนักกัน เขาพบว่า ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2005-2020 อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนถัวเฉลี่ยอยู่ที่ 8.6% และในปี ค.ศ. 2020 อันเป็นปีที่รัฐบาลจีนประกาศให้โลกรับรู้ว่าเขาได้ต่อสู้กับความยากจนของประชากร 740 ล้านคน จนเป็นผลสำเร็จแล้ว

นับจากปีนั้นเป็นต้นมา ประเทศจีนจึงไม่มีความยากจนอย่างที่ผ่านมาอีกในขณะที่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ทำให้จีนค้นหาวิธีที่จะทำให้ประชาชนชาวจีนมีคุณภาพชีวิตที่ดีด้วยการลงทุนกับโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศมากมาย

เริ่มตั้งแต่โครงสร้างระบบขนส่ง โครงการการเกษตรกร การปลูกข้าวเอง และมีผลผลิตต่อไร่สูงที่สุดในโลกถึง 2,000 ตันต่อไร่ แม้จะยังเลี้ยงคนในประเทศไม่พอจนยังต้องมีการนำเข้า แต่รัฐบาลจีนก็ยังมุ่งมั่นลงทุนด้านเกษตรกรรมและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ทั้งการเพาะปลูกพืชที่ใช้เป็นอาหาร การเลี้ยงปศุสัตว์เพื่อไม่ให้ประชากรเกิดความขาดแคลนในห่วงโซ่อาหาร ตลอดจนถึงการนำนวัตกรรมการเกษตรสมัยใหม่เข้ามาใช้เป็นสำคัญ เช่นเดียวกันกับการสร้างผลผลิตในภาคอุตสาหกรรมเพื่อทดแทนการนำเข้าสินค้าจำเป็นต่อการครองชีพ

แม้ปี ค.ศ.2023 จะเป็นปีที่มีความผันผวนทางเศรษฐกิจโลกสูง และมีปัญหาของเรื่องการเมืองระหว่างประเทศจนทำให้เกิดสงครามในคาบสมุทรต่างๆ แต่ในช่วงหกเดือนแรกของปีนี้ จีนยังคงรักษาอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจได้ 5.5% ของ GDP

ในแง่ของการค้าบนเวทีโลก แม้เงินสกุลหยวน (รีมินบี) จะยังมีความนิยมใช้เพียง 3% เมื่อเทียบกับเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ แต่ถ้านับกันด้วยทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีนที่มีอยู่สูงถึง 4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ คงเทียบไม่ได้กับที่สหรัฐอเมริกา มีอยู่เพียง 200,000 ล้านเหรียญ

ส่วนที่พิมพ์ออกไปอัดฉีดสภาพคล่องใน QE จำนวน 9 ล้านล้านเหรียญ ถูกชาวโลกตั้งข้อกังขาว่า นั่นน่าจะเป็นเงิน “กงเต๊ก” มากกว่า

สำหรับขนาด หรือความใหญ่โตของเศรษฐกิจจีน ปัจจุบัน GDP จีนมีมูลค่าอยู่ราวๆ 21 ล้านล้านเหรียญ ส่วนสหรัฐฯ ซึ่งยังคงเป็นมหาอำนาจอันดับ 1 อยู่นั้น มีขนาดของเศรษฐกิจ หรือ GDP อยู่ที่ 23 ล้านล้านเหรียญ แต่ปัญหาคือ จีนค้าขายได้ดุลการค้าจำนวนมากในทั่วโลกมากถึงปีละ 800,000 ล้านเหรียญ ครึ่งหนึ่งในจำนวนนี้ จีนได้ดุลจากสหรัฐฯ

สิ่งที่สำคัญก็คือ จีนไม่มีหนี้สิน ไม่ได้ทำการรบราฆ่าฟันกับใคร หรือเข้าไปรุกรานประเทศใด จึงไม่มีหนี้จากการต้องซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์

ในขณะที่สหรัฐฯ มีหนี้จำนวนมโหฬารสูงถึง 32.5 ล้านล้านเหรียญ

ทั้งหมดนี้ ทำให้เราได้ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในปี ค.ศ. 2023 อยู่ที่ 2% ของ GDP และเมื่อดูจากข้อมูลข่าวสารรายวัน เราจะเห็นว่า คนไร้บ้านในสหรัฐฯนั้น มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เช่นเดียวกับจำนวนคนติดยาเสพติดที่มีมากขึ้นอย่างน่าตกใจในเกือบทุกเมือง


Author

Content Partnership

Content Partnership