Skylar Montgomery ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์มหภาคจาก GlobalData TS Lombard ระบุ เงินหยวนของจีนมีโอกาสน้อยมากหรือแทบจะไม่มีโอกาสเลย ที่จะมาโค่นเงินดอลลาร์ของสหรัฐฯ ได้ แม้จะมีความพยายามในการลดอำนาจสกุลเงินดอลลาร์ในระบบตลาดโลก หรือ De-Dollarization ด้วยก็ตาม
พร้อมกล่าวว่าการเป็นสกุลเงินสำรองระหว่างประเทศของดอลลาร์เป็นสิทธิพิเศษที่ทำให้สหรัฐฯ มีอิทธิพลในทางการเมือง เศรษฐกิจ และตลาด อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งยังสร้างความเจ็บปวดให้กับประเทศอื่นด้วย และการแข็งตัวของเงินดอลลาร์ก็ได้สร้างความเสียหายกับตลาดเกิดใหม่ซึ่งส่วนใหญ่ใช้เงินดอลลาร์ การแข็งค่าเงินดอลลาร์จึงส่งผลกระทบให้ประเทศอื่นๆ ต้องมีค่าใช้จ่ายสำหรับการนำเข้าในอัตราที่สูงขึ้น
ขณะที่การลดอำนาจสกุลเงินดอลลาร์ในระบบตลาดโลกกลับเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป แม้สัดส่วนของดอลลาร์ในเงินทุนสำรองระหว่างประเทศจะลดลงจาก 72% ในปี 2000 สู่ 59% ในปัจจุบัน แต่ยังคงเป็นเงินสำรองสำหรับสกุลเงินส่วนใหญ่
ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ดอลลาร์ยังคงมีอิทธิพลต่อไปและไม่อาจถูกแทนที่ด้วยเงินหยวนของจีน ขณะเดียวกันก็ไม่มีสกุลเงินใดที่มีศักยภาพเข้ามาแทนที่เงินดอลลาร์โดยเฉพาะจากข้อมูลเงินทุนสำรองที่ระบุว่าสกุลเงินยูโรมีสัดส่วนเป็นเงินทุนสำรองอยู่ที่ 19.7% ขณะที่เงินหยวนมีสัดส่วนอยู่เพียง 2.6%
นอกจากนี้ เงินหยวนยังมีความไม่แน่นอนจากการดำเนินเศรษฐกิจในประเทศและขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ทั้งอาจมีการแทรกแซงจากรัฐบาลที่ไม่อาจคาดเดาได้ ตามคำกล่าวของ Montgomery
เช่นเดียวกับความพยายามของประเทศกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ (บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้) หรือ BRICS ที่พยายามสร้างสกุลเงิน BRICS Currency เพื่อลดอำนาจของดอลลาร์ก็ยังต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย
ตั้งแต่สถานการณ์การเติบโตของประเทศสมาชิกกลุ่ม BRICS ที่มีทีท่าน่าเป็นห่วง ไปจนถึงความขัดแย้งระหว่างประเทศสมาชิก และความพยายามในการแสดงเป้าหมายทางเศรษฐกิจของกลุ่ม ซึ่งดอลลาร์ก็ยังคงเป็นสกุลเงินสำรองที่ยังคงมีความสำคัญ
อ้างอิง