รายงานของ Goldman Sachs หนึ่งในสถาบันการเงินที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ซึ่งอ้างถึงข้อมูลในช่วง 6 เดือนแรกของปีระบุว่า นักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อหุ้นญี่ปุ่นสูงกว่าคู่แข่งอย่างหุ้นจีน เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2560 สอดคล้องกับรายงานของนักกลยุทธ์ Morgan Stanley ในสัปดาห์ที่แล้วที่ระบุว่า ผู้จัดการกองทุนทยอยขายหุ้นจีนและฮ่องกงอย่างต่อเนื่องในเดือนกรกฎาคม แม้ราคาหุ้นจะมีการปรับตัวขึ้น หลังรัฐบาลจีนส่งสัญญาณออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม แต่ในขณะเดียวกันก็เพิ่มการซื้อหุ้นในญี่ปุ่น
กระแสการลงทุนที่หลั่งไหลกลับมาที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เป็นผลมาจากนักลงทุนทั่วโลก มองหาทางเลือกกระจายความเสี่ยงการลงทุนออกจากจีน ที่การเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง จากอุปสงค์ภายในประเทศ และปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์กับสหรัฐฯ ที่ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน
ประกอบกับนักลงทุนมีมุมมองเชิงบวกต่อสินทรัพย์ญี่ปุ่นมากขึ้น หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว (28 ก.ค 2566) ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ประกาศเพิ่มความยืดหยุ่นให้กรอบมาตรการควบคุมอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาว (Yield Curve Control: YCC) ให้สูงกว่า 0.5% ทำให้เงินเยนกลับมาแข็งค่า และเป็นการส่งสัญญาณว่าญี่ปุ่นกำลังหลุดพ้นจากภาวะเงินฝืด
นอกจากนี้อัตราผลตอบแทนของดัชนี MSCI ของญี่ปุ่นยังเพิ่มขึ้น 21% ในปีนี้ เนื่องจากรัฐบาลญี่ปุ่นทำการปฏิรูปการกำกับดูแลกิจการ อีกยังได้แรงสนับสนุนจากนักลงทุนผู้ทรงอิทธิพลระดับโลกอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ ที่ดึงดูดให้นักลงทุนทั่วโลกหันมาซื้อหุ้นญี่ปุ่นมากขึ้น ในขณะที่ผลตอบแทนดัชนี MSCI ของจีนปรับตัวขึ้นเพียง 0.5%
อ้างอิง