สิงคโปร์ ครองแชมป์เมืองที่ค่าครองชีพสูงสุดสำหรับกลุ่มผู้มีรายได้สูง (Upper Class) ตามมาด้วยเซี่ยงไฮ้ และฮ่องกง ตามรายงานการจัดอันดับของ Julius Baer Group สถาบันการเงินเก่าแก่ของสวิตเซอร์แลนด์ที่ให้บริการลูกค้ารายใหญ่
ในที่นี้กลุ่ม Upper Class จะหมายถึงกลุ่มชนชั้นสูงของสังคม ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีสัดส่วนน้อยเมื่อเทียบกับประชากรทั้งหมด แต่กลับถือครองทรัพย์สินจำนวนมาก จึงทำให้มีอำนาจในทางการเงิน การเมือง เศรษฐกิจมากตามไปด้วย
โดย 10 อันดับเมืองที่มีค่าครองชีพสูงสุดของปี 2023 ได้แก่ 1.สิงคโปร์ 2.เซี่ยงไฮ้ 3.ฮ่องกง 4.ลอนดอน 5.นิวยอร์ก 6.โมนาโก 7.ดูไบ 8.ไทเป 9.เซาเปาโล และ 10.ไมอามี
ในการจัดอันดับปีนี้สิงคโปร์มีค่าครองชีพสูงแซงหน้าเซี่ยงไฮ้แชมป์เก่า โดยนักวิเคราะห์ของ Julius Baer ระบุว่า รัฐบาลสิงคโปร์ประสบความสำเร็จกับความพยายามในการทำให้สิงคโปร์กลายเป็นแหล่งดึงดูดนักลงทุนรายใหญ่เข้ามาทำงานและอยู่อาศัย แต่ขณะเดียวกันก็เป็นผลให้ค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้นตามไปด้วย
โดยเฉพาะในประเทศที่มีประชากรประมาณ 5.6 ล้านคนอย่างสิงคโปร์ รวมถึงมีค่าเช่า ค่าบ้าน ค่าธรรมเนียมการศึกษา ภาษีรถยนต์ และค่าครองชีพสูง อีกทั้งประกันสุขภาพที่จำเป็นก็มีราคาสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกมากกว่าสองเท่า
และตามการคำนวณค่าครองชีพบนเว็บไซต์ของรัฐบาลสิงคโปร์ ระบุว่าคอนโดในเขตพื้นที่นอกตัวเมือง (Outside Central Region: OCR) มีราคาเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 1,300-2,350 ดอลลาร์สิงคโปร์ (หรือประมาณ 33,800-61,100 บาท) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีขนาดประมาณ 3 ใน 4 ของประเทศ ในขณะที่ค่าเช่าสำหรับไพรเวทคอนโดจะอยู่ที่ 3,800-5,750 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อเดือน (หรือประมาณ 98,800-14,900 บาท)
นักวิเคราะห์ยังกล่าวอีกว่า สิงคโปร์กำลังแข่งขันเพื่อเป็นผู้นำศูนย์กลางระดับโลกสำหรับผู้มั่งคั่ง พร้อมเสริมว่าสิงคโปร์มีสนามบินที่มีคนพลุกพล่าน และเป็นหนึ่งในประเทศที่มี GDP ต่อหัวสูงที่สุดในโลก
และเมื่อสิ้นปี 2565 สิงคโปร์ก็ได้มี Family Offices ซึ่งเป็นบริษัทบริหารทรัพย์สินของครอบครัวเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าของปีก่อนหน้า อยู่ที่ประมาณ 1,500 แห่ง.
อ้างอิง Business Insider