ความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่ออินเดียกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น เนื่องจากอินเดียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็วที่สุด ในบรรดาประเทศเศรษฐกิจสำคัญของโลก การที่ธนาคารกลางอินเดียประกาศหยุดขึ้นดอกเบี้ยชั่วคราวจนถึงต้นปีหน้า ดึงดูดให้กองทุนต่างประเทศหันมาลงทุนในตราสารหนี้อินเดียมากขึ้น ทำให้มีการคาดการณ์ว่าการลงในสินทรัพย์ของอินเดียจะให้ผลตอบแทนมากกว่าอินโดนีเซีย
จากการรวบรวมข้อมูลของ Bloomberg พบว่า ถึงแม้ในปีนี้เงินรูปีของอินเดียจะเป็นสกุลเงินที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดเป็นอันดับสอง รองจากเงินสกุลรูเปียห์ของอินโดนีเซีย แต่ดูเหมือนว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากนักลงทุนรวมถึง Amundi SA บริษัทจัดการสินทรัพย์ขนาดใหญ่ในยุโรป และ HSBC Holdings Plc สถาบันการเงินระดับโลก มองว่ารูปีจะเป็นสกุลเงินท้องถิ่นที่แข็งแกร่งในอนาคต
สกุลเงินรูปีมีค่าชดเชยความเสี่ยงสูงกว่ารูเปียห์ โดยมีอัตราส่วนผลตอบแทนต่อความเสี่ยงอยู่ที่ระดับ 2.8 เมื่อเทียบกับรูเปียห์ ซึ่งอยู่ที่ระดับ 0.5 การแทรกแซงของธนาคารกลาง ส่งผลให้รูปีเป็นสกุลเงินที่มีความผันผวนน้อย และมีอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสูงสุดในเอเชีย โดยพันธบัตรอินเดียอายุ 10 ปี ให้ผลตอบแทนตามเกณฑ์มาตรฐานที่ 7.07% ในขณะที่พันธบัตรอินโดนีเซียที่มีอายุใกล้เคียงกัน ให้ผลตอบแทนที่ 6.30% ดึงดูดให้ชาวต่างชาติอัดฉีดเงินมากกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ เข้าสู่ตลาดหุ้นอินเดียในไตรมาสนี้ และผลักดันมูลค่าสกุลเงินรูปีให้สูงขึ้น
Alessia Berardi หัวหน้าฝ่ายวิจัยเชิงมหภาคและกลยุทธ์ EM ของบริษัท Amundi กล่าวว่า
“ผลตอบแทนจากการถือครองสินทรัพย์ และเสถียรภาพทางการเงินในระดับมหภาค เป็นสิ่งที่ทำให้สกุลเงินรูปีน่าดึงดูด” ด้าน Johny Chen ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอของ William Blair Investments ได้ให้ความเห็นว่า “สกุลเงินรูปีมีความผันผวนต่ำ ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่แข็งแกร่งในการ carry trade”.
อ้างอิง