หลังจากเมื่อวันพุธที่ 31 พฤษภาคมผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ) สภาผู้แทนราษฎรได้มีมติเสียงส่วนใหญ่ 314 ต่อ 117 เสียง อนุมัติผ่านร่างกฎหมายเพื่อระงับเพดานหนี้ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
ล่าสุดวุฒิสภาได้ลงมติผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว ด้วยคะแนนเสียง 63 ต่อ 36 เสียง โดยในขณะนี้อยู่ระหว่างส่งต่อให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ลงนามรับรองเพื่อบังคับใช้กฎหมายต่อไป
โดยสมาชิกวุฒิสภาจากทั้งสองพรรคการเมืองได้มีการเจรจาร่วมกันกว่า 1 ชั่วโมง และได้ปฏิเสธร่างกฎหมายทั้ง 11 ฉบับในตอนแรก เนื่องฝ่ายวุฒิสภารีพับลิกันไม่พอใจเงื่อนไขการลดงบประมาณค่าใช้จ่ายของรัฐบาลกลาง โดยเสนอให้มีการลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาลลงอีก เพื่อนำไปเพิ่มงบประมาณด้านความมั่นคง ส่วนวุฒิสภาฝ่ายเดโมแครตเรียกร้องให้ยกเลิกการอนุมัติโครงการ Mountain Valley Pipeline ซึ่งเป็นโครงการสร้างท่อขนส่งก๊าซมีเทน
นายชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างน้อยของพรรคเดโมแครตได้ออกแถลงการณ์ให้ความเชื่อมั่นแก่สมาชิกวุฒิสภาว่า เงื่อนไขการจำกัดค่าใช้จ่ายของรัฐบาลจะไม่ส่งผลกระทบต่อการอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมของสภาคองเกรส สำหรับกรณีฉุกเฉิน เพื่อตอบสนองต่อภัยคุกคามด้านความมั่นคงของประเทศที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ และในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นจากจีน รัสเซีย รวมถึงการให้ความช่วยเหลือยูเครนเพื่อต่อสู้การรุกรานจากรัสเซีย ทำให้ท้ายที่สุดสมาชิกวุฒิสภาได้ลงมติเสียงส่วนใหญ่ให้ผ่านร่างกฎหมายระงับเพดานหนี้
อย่างไรก็ตามสภาคองเกรสยังต้องเผชิญกับการตัดสินใจที่ยากลำบาก เกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนบริการของภาครัฐ เนื่องจากผลกระทบเงื่อนไขการลดงบประมาณ โดยสภาคองเกรสจะต้องหารือข้อสรุปร่วมกันก่อนวันที่ 1 ตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นงบประมาณรายจ่ายปีหน้าของรัฐบาล ในขณะที่สำนักงบประมาณคาดการณ์ว่ารัฐบาลจะถูกตัดวงเงินค่าใช้จ่ายลง 64,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีหน้า
หลังจากการเสร็จสิ้นการลงมติของวุฒิสภา ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้แถลงการณ์ขอบคุณผู้นำเสียงข้างน้อยของพรรคเดโมแครต ชูเมอร์ และ แม็กคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากของรีพับลิกัน
และเรียกข้อตกลงนี้ว่า
“เป็นการย้ำเตือนถึงสิ่งที่เป็นไปได้เมื่อเราดำเนินการเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของประเทศของเรา ผมหวังว่าจะได้ลงนามในร่างกฎหมายนี้โดยเร็วที่สุด”
นอกจากนี้ ทำเนียบขาวยังกล่าวเพิ่มเติม ว่า ประธานาธิบดีมีกำหนดการณ์กล่าวปราศรัยต่อชาวอเมริกันในเย็นวันศุกร์นี้เพื่อหารือเกี่ยวกับข้อตกลงดังกล่าว