เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม ที่ผ่านมา สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) เปิดเผยว่า สหรัฐฯ และไต้หวัน บรรลุข้อตกลงในส่วนแรกของความริเริ่มทางการค้า "ศตวรรษที่ 21" ซึ่งครอบคลุมการอำนวยความสะดวกขั้นตอนศุลกากร การปรับปรุงแนวปฏิบัติด้านกฎระเบียบ และธุรกิจขนาดเล็ก
แคทเธอรีน ไท่ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) กล่าวในแถลงการณ์ว่า ข้อตกลงดังกล่าวจะช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และไต้หวัน รวมถึงแสดงให้เห็นว่าทั้งสองประเทศสามารถทำงานร่วมกัน เพื่อจัดลำดับความสำคัญทางการค้าสำหรับประชาชน
“เราหวังว่าจะดำเนินการเจรจาต่อไป และสรุปข้อตกลงการค้าที่แข็งแกร่งและมีมาตรฐานสูง เพื่อจัดการกับความท้าทายทางเศรษฐกิจในศตวรรษที่ 21” แคทเธอรีน ไท่ กล่าว
โดยมาตรการในข้อตกลงริเริ่มทางการค้านี้จะช่วยอำนวยความสะดวกทางการค้าระหว่างประเทศ ด้วยการลดขั้นตอนศุลกากรและอนุญาตการยื่นแบบฟอร์มศุลกากรทางอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงสามารถชำระภาษีอากรและค่าธรรมเนียมผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่ายแก่บริษัทสหรัฐฯ ในการส่งสินค้าไปยังไต้หวัน และปรับปรุงใบอนุญาตการดำเนินงานสำหรับบริษัทที่ต้องการดำเนินการข้ามพรมแดน ตามแนวปฏิบัติด้านกฎระเบียบและการบริการ เพื่อส่งเสริมโอกาสการแข่งขันที่เป็นธรรมสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง รวมถึงจะดำเนินการเจรจาข้อตกลงการค้าในภาคส่วนอื่นๆ
ข้อตกลงริเริ่มทางการค้า "ศตวรรษที่ 21" ได้มีการหารือร่วมกันตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว และไม่ใช่ข้อตกลงการค้าเสรีที่เป็นทางการ แต่เป็นการกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯ และไต้หวัน ทำให้สหรัฐฯ สามารถส่งออกสินค้ามายังไต้หวันได้มากขึ้น เพื่อเพิ่มความสามารถของไต้หวันในการต่อต้านการบีบบังคับทางเศรษฐกิจจากจีน หลังจากที่จีนอ้างสิทธิ์ว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของประเทศ
ข้อตกลงดังกล่าวถูกประกาศออกมาไม่กี่ชั่วโมง หลังจากสถานเอกอัครราชทูตจีนในกรุงวอชิงตันประกาศว่า หวัง เหวินเทา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีกำหนดการเข้าพบรัฐมนตรีพาณิชย์ จีนา ไรมอนโด ที่กรุงวอชิงตันในสัปดาห์หน้า เพื่อหาแนวทางลดความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ
ล่าสุด สถานเอกอัครราชทูตจีน ได้ออกแถลงการณ์เตือนไม่ให้สหรัฐฯ ใช้ข้อตกลงทางการค้าเป็นข้ออ้างในการสนับสนุนอธิปไตยไต้หวัน.