กยศ.ให้กู้ไม่ถึงมือคนจน หวั่นหนี้เสียบานปลาย เบี้ยวหนี้กว่าครึ่ง

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

กยศ.ให้กู้ไม่ถึงมือคนจน หวั่นหนี้เสียบานปลาย เบี้ยวหนี้กว่าครึ่ง

Date Time: 29 ก.ค. 2561 20:01 น.

Video

วิธีเอาตัวรอดของ Wikipedia ไม่พึ่งโฆษณา ไม่มีค่าสมาชิก แต่อยู่มาได้ 23 ปี | Digital Frontiers

Summary

  • นักเศรษฐศาสตร์ หวั่นหนี้เสีย กยศ.บานปลาย คนไม่ใช้หนี้กว่าครึ่ง แตะ 7 หมื่นล้านบาท จวกที่ผ่านมาไม่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายคนรายได้น้อย กระจุกในครอบครัวฐานะปานกลางถึง 80% ชงปฏิรูปบริหารกองทุนใหม่

นักเศรษฐศาสตร์ หวั่นหนี้เสีย กยศ.บานปลาย คนไม่ใช้หนี้กว่าครึ่ง แตะ 7 หมื่นล้านบาท จวกที่ผ่านมาไม่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายคนรายได้น้อย กระจุกในครอบครัวฐานะปานกลางถึง 80% ชงปฏิรูปบริหารกองทุนใหม่...

เมื่อวันที่ 29 ก.ค. ผศ.ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่า หนี้เสียของกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ใกล้แตะ 70,000 ล้านบาท ปล่อยกู้ทั้งหมด 5.4 ล้านคน ผิดนัดการชำระหนี้จำนวน 2.1 ล้านคน ซึ่งจะลุกลามเป็นปัญหาใหญ่ หากไม่มีนโยบายในการแก้ไขอย่างเป็นระบบและจริงจัง ปัญหาขาดทุนเรื้อรังจะส่งผลกระทบต่อฐานะทางการเงินของ กยศ.มากขึ้นตามลำดับ และอาจมีผลกระทบต่อการดำเนินงานของกองทุนในระยะยาว มีผลกระทบต่อโอกาสทางการศึกษาของผู้กู้รายใหม่ รวมทั้งเกิดภาระทางงบประมาณของรัฐบาลมากขึ้นอีกด้วย ปัญหาหนี้เสียจำนวนมากของ กยศ เป็นผลจากผู้กู้เงินจาก กยศ. คืนเงินให้กับกองทุนคิดเป็นจำนวนที่ต่ำกว่าประเทศอื่นมาก การไม่ชำระหนี้อยู่ที่ประมาณร้อยละ 50 ของหนี้ทั้งหมด จำนวนที่ได้คืนมานี้เมื่อหักด้วยค่าใช้จ่ายในการดำเนินการต่างๆ ของกองทุนแล้ว จะเหลือเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทำให้กองทุน กยศ. มีอัตราคืนทุนในระดับต่ำมาก

ส่วนกรณีนักศึกษากู้ยืมเงิน กยศ. แล้วไม่ชำระหรือเบี้ยวหนี้ จนทำให้ครูผู้ช่วยค้ำประกันต้องรับผิดชอบแทนจนถูกฟ้องร้องบังคับคดีนั้น เห็นว่า ทางกองทุน กยศ. ควรงดการบังคับคดีในกรณีดังกล่าว และหาวิธีการในบังคับหนี้จากผู้เป็นหนี้โดยตรงก่อน ไม่ควรต้องให้ครูที่ทำหน้าที่ในการให้โอกาสทางการศึกษาแก่ศิษย์ต้องเดือดร้อน

ทั้งนี้ จากผลสรุปงานวิจัยหลายชิ้นพบว่า กยศ. ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา การขยายโอกาสทางการศึกษาให้กับครอบครัวฐานะยากจนอันนำมาสู่การกระจายรายได้และการลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมได้ดีนัก เนื่องจากยังไม่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายผู้ขาดแคลนและมีรายได้น้อย ผู้กู้ที่มาจากครอบครัวที่มีฐานะยากจน ซึ่งมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี มีสัดส่วนไม่ถึงร้อยละ 15-20 จากผู้กู้ทั้งหมด ขณะที่ผู้กู้ส่วนใหญ่มาจากครอบครัวฐานะปานกลางคิดเป็นร้อยละ 80 กยศ. ต้องเพิ่มศักยภาพในการเข้าถึงผู้ที่ขาดโอกาสทางการศึกษาและขาดทุนทรัพย์ โดยเฉพาะนักเรียนเรียนดีแต่ยากจนในถิ่นทุรกันดาร รวมถึงนักเรียนที่ออกกลางคันระหว่างศึกษาขั้นพื้นฐาน นักเรียนกลุ่มนี้บางส่วนรัฐบาลควรจัดสรรทุนแบบให้เปล่า หรือทุนการศึกษาเพิ่มเติม เป็นทุนการศึกษาสำหรับผู้มีรายได้ต่ำ

ขณะเดียวกัน กยศ. มีบทบาทในการขยายทางเลือกทางการศึกษา เนื่องจากผู้กู้สามารถเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยเอกชนได้มากขึ้น รัฐบาล กระทรวงศึกษาธิการ และ กยศ. จึงควรปฏิรูปการบริหารกองทุน กยศ.ใหม่ เริ่มต้นตั้งแต่การมีระบบกลไกในการจัดสรรเงินกู้ยืมที่มีประสิทธิภาพและตรงเป้าหมายมากกว่าเดิม มีระบบการติดตามการชำระหนี้ที่มีประสิทธิผล กยศ.ควรใช้แนวทางของกองทุนให้กู้ยืมที่ผูกพันกับรายได้ในอนาคต (กรอ.) ที่จัดตั้งขึ้นในปี 2555 ด้วยการผูกจำนวนเงินที่ต้องชำระหนี้กับรายได้ในแต่ละปีของผู้กู้ จะทำให้สามารถแก้ไขปัญหาหนี้เสียของ กยศ. ได้มากขึ้น นอกจากนี้ ควรใช้การแก้ปัญหาด้วยระบบหักหนี้จากบัญชีเงินเดือนโดยอัตโนมัติและรณรงค์ให้เกิดจิตสำนึกต่อส่วนรวม การรณรงค์การชำระหนี้และกำหนดบทลงโทษของผู้กู้ที่ไม่ชำระหนี้

นอกจากนี้ หากย้อนกลับไปในปี 2555 ได้มีการจัดตั้งกองทุนให้กู้ยืมที่ผูกพันกับรายได้ในอนาคต (กรอ.) ซึ่งมีความแตกต่างจากกองทุน กยศ. ประการที่หนึ่ง กยศ. เป็นกองทุนที่มอบให้เฉพาะนักเรียนในระดับมัธยมปลายและนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ยากจน ขณะที่ กรอ. เปิดโอกาสให้กับนักศึกษามหาวิทยาลัยทุกคน ประการที่สอง กยศ. เปิดให้กู้กับนักศึกษาทุกสาขาและคณะ ส่วน กรอ. กำหนดให้เฉพาะสาขาอาชีพที่เป็นที่ต้องการของประเทศเท่านั้นจึงมีสิทธิกู้ ประการที่สาม กยศ. กำหนดจำนวนเงินที่แน่นอนที่ผู้กู้ต้องผ่อนชำระหนี้ ภายหลังจบการศึกษา ขณะที่ กรอ. ผูกจำนวนเงินที่ต้องชำระหนี้กับรายได้ในแต่ละปีของผู้กู้

“ไม่ว่าจะเป็น กองทุน กยศ. กองทุน กรอ. หรือกองทุนการศึกษาแบบให้เปล่าต่างๆ ก็ดี ล้วนเป็นนโยบายที่ต้องการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ขยายโอกาสทางการศึกษาและการหลุดพ้นจากความยากจน เกิดการยกระดับฐานะของผู้ยากไร้ ทำให้เกิดการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อันเป็นปัจจัยสำคัญในการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน ควรศึกษาแนวทางการบริหารจัดการกองทุน กรอ.และ กองทุน กยศ. ไม่ให้มีความซ้ำซ้อนกัน และก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการสนับสนุนทางการเงินเพื่อการศึกษา”

พร้อมเสนอแนะควรปรับบทบาทของกองทุนเงินกู้ยืมให้ช่วยส่งเสริมการผลิตบัณฑิตให้สอดคล้องกับความต้องการของประเทศ ควรศึกษาผลของระบบการให้ทุนและกู้ยืมเพื่อการศึกษาต่อความเท่าเทียมในการเข้าถึงการศึกษาของไทย และศึกษาความคุ้มค่าจากการลงทุนทางการศึกษาทั้งในแง่ผลตอบแทนที่เป็นตัวเงินและไม่เป็นตัวเงิน เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจจัดสรรงบประมาณสำหรับการลงทุนทางการศึกษา และการพัฒนาคนให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อไป.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ