นายประชุม มาลีนนท์
นายประชุม มาลีนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท บีอีซีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) บริษัทแม่ของไทยทีวีสีช่อง 3 เปิดเผยในงานแถลงข่าว “เปิดวิกบิ๊ก 3” ว่า การปรับโครงสร้างใหม่ของช่อง 3 ยังคงเดินหน้าต่อไป โดยหลักการคือต้องการทำให้บริษัทมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น สลายภาพธุรกิจครอบครัว รวมไปถึงการปรับเปลี่ยน (Transform) จากธุรกิจสื่อแบบดั้งเดิม (Traditional Media) ไปเป็นสื่อดิจิทัล
“เรากำลังเพิ่มจำนวนไข่ในตะกร้าให้มากขึ้น รายได้หลักหรือไข่ใบใหญ่ ยังเป็นรายได้จากทีวี แต่เพิ่มจำนวนไข่หรือรายได้ เราจึงแยกตั้งหน่วยธุรกิจใหม่อีก 2 หน่วย ได้แก่ หน่วยธุรกิจดิจิทัลและหน่วยธุรกิจคอมเมอร์เชียล (Commercial) ซึ่งจะเป็นตัวขับเคลื่อนรายได้ใหม่ โดยหน่วยธุรกิจดิจิทัลจะเน้นการ บริหารจัดการธุรกิจบนสื่อออนไลน์ โซเชียลมีเดีย ส่วนธุรกิจคอมเมอร์เชียล เน้นการบริหารจัดการลิขสิทธิ์คอนเท้นต์ รวมทั้งดาราที่อยู่ในสังกัด”
นายประชุมกล่าวว่า ในส่วนของธุรกิจดิจิทัล นอกเหนือจากการปรับสื่อออนไลน์ในเครือช่อง 3 ให้อยู่ในแบรนด์เดียวกันทั้งหมด ภายใต้ชื่อ Ch 3 Thailand แล้ว ยังกำลังเตรียมสร้างแพลตฟอร์มใหม่ ใช้ชื่อว่า Mello (เมลโล) ซึ่งจะเป็นทั้งเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น และคอนเท้นต์ของช่อง 3 ลดการพึ่งพาแพลตฟอร์มต่างประเทศอย่างยูทูบ เฟซบุ๊ก ซึ่งเก็บรายได้จากค่าโฆษณาเอง แล้วมาแบ่งให้ช่อง 3 ส่วนหนึ่งเท่านั้น โดยหลักการ Mello จะผลิตรายการใหม่เอง รวมทั้งนำรายการจากช่อง 3 มาออกอากาศย้อนหลังในลักษณะเอ็กซ์คลูซีฟด้วย ซึ่งเชื่อว่าจะเห็นภาพภายในปีนี้
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันช่อง 3 ใช้เฟซบุ๊กเป็นช่องทางในการติดต่อ ประชาสัมพันธ์กับผู้ชม ส่วนยูทูบนั้น ใช้เผยแพร่ละคร รายการย้อนหลัง โดยยูทูบเป็นผู้เรียกเก็บค่าโฆษณา และแบ่งส่วนหนึ่งให้ช่อง 3
ขณะที่ธุรกิจคอมเมอร์เชียลจะเน้นการบริหารจัดการลิขสิทธิ์คอนเท้นต์ช่อง 3 ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของรายได้ รวมทั้งการบริหารจัดการดารา ศิลปินในเครือ เพื่อให้ตอบโจทย์เอเจนซี่โฆษณาให้มากขึ้น เช่น การจ้างดาราช่อง 3 เป็นพรีเซ็นเตอร์ หรือการซื้อโฆษณาช่อง 3 ในระยะต่อไป อาจต้องคุยในลักษณะเป็นแพ็กเกจ ขยายความร่วมมือไปจนถึงการเป็นสปอนเซอร์ชิพ รวมทั้งการจัดอีเวนต์งานให้ด้วย ไม่ใช่แค่การซื้อโฆษณา จ้างพรีเซ็นเตอร์เพียงอย่างเดียวเหมือนเดิม โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างหารือกับทั้งตัวดาราและผู้จัดการ.