นายพิพิธ เอนกนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ยอมรับว่ายอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในไตรมาสแรกของกสิกรไทยและระบบธนาคารพาณิชย์ทำได้ต่ำกว่าเป้าหมาย โดยธนาคารมียอดใช้จ่ายเพียง 120,000 ล้านบาท เติบโตเพียง 1% น้อยกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 10% ขณะที่การใช้จ่ายทั้งระบบโตเพียง 2% ซึ่งถือว่าต่ำกว่าปกติจะโต 10% สาเหตุเนื่องจากผู้ถือบัตร และภาคธุรกิจมีความรู้สึกไม่อยากจับจ่ายใช้สอย หลังเศรษฐกิจยังชะลอตัว โดยเฉพาะโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของรัฐบาลที่ทำได้น้อยกว่าที่หวังไว้
“ภาคธุรกิจคาดหวังไว้มากว่าการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐจะมาในไตรมาสแรก แต่ตอนนี้ยังมาช้ากว่าที่หวัง ทำให้ไม่มีเม็ดเงินลงมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ จนหลายคนกังวลไม่กล้าใช้บัตร ประกอบกับภาคการท่องเที่ยวที่แม้จะดี แต่บางส่วนก็ถูกกระทบจากการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญทำให้การใช้จ่ายเป็นไปอย่างระมัดระวัง แต่สิ่งที่ช่วยประคองคือการส่งออกที่เริ่มฟื้นตัวขึ้นมาช่วยได้บ้าง แต่เชื่อว่าในไตรมาสสองน่าจะเห็นสัญญาณดีขึ้น หลังบรรดาห้างสรรพสินค้าขยับแผนกระตุ้นยอดขายให้เร็วขึ้นจากเดิมจัดในเดือน ก.ค. แต่ปีนี้เริ่มทำกันแล้วตั้งแต่ช่วงสงกรานต์เป็นต้นมา”
อย่างไรก็ตาม ธนาคารกสิกรไทยยังคงเป้าหมายการใช้จ่ายบัตรเครดิตทั้งปี 60 โต 10% หรือ 396,000 ล้านบาทเหมือนเดิม และตั้งเป้าหมายออกบัตรใหม่ 280,000 บัตร จากไตรมาสแรกมีอยู่ที่ 2.6 ล้านบัตร โดยล่าสุดธนาคารกสิกรไทยร่วมกับเจซีบี อินเตอร์เนชั่นแนล ผู้ให้บริการบัตรเครดิตชั้นนำของญี่ปุ่น ออกบัตรเครดิตเจซีบีกสิกรไทย เนื่องจากเห็นโอกาสคนไทยเดินทางไปท่องเที่ยวญี่ปุ่นเมื่อปีที่ผ่านมาถึง 900,000 คน มีการใช้จ่ายสูงเป็นอันดับ 6 จากนักท่องเที่ยวทั่วโลก ซึ่งลูกค้ามียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตกสิกรไทยในญี่ปุ่นประมาณ 3,300 ล้านบาท ซึ่งหมวดที่ได้รับความนิยม คือ ที่พัก เครื่องแต่งกายและร้านค้าปลีก ส่วนภาพรวมหนี้เสีย (เอ็นพีแอล) ของธนาคารปีนี้ ยังไม่ได้กังวล เพราะคุณภาพหนี้ยังดีอยู่ โดยตั้งเป้าหมายว่าเอ็นพีแอลทั้งปี 3.3-3.4%ซึ่งใกล้เคียงปี 59 ที่อยู่ 3.32%”.