คมนาคมแจงยิบ กระแสต้าน ออก ม.44 รถไฟไทย-จีน ชี้เปิดช่องสถาปนิกจีน ไม่เกี่ยวสนธิสัญญา WTO ระบุให้สิทธิพิเศษแก่จีน ไม่ขัดหลักการนิติสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มีมาตรฐานความปลอดภัยเป็นสากล ย้ำเป็นประโยชน์ภาพรวมเศรษฐกิจ...
เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. นายจิรุตม์ วิศาลจิตร ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม ในฐานะโฆษกกระทรวง ได้ออกชี้แจงผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ สื่อมวลชน กระทรวงคมนาคม ในประเด็นกระแสต่อต้านกรณีนายกรัฐมนตรี ใช้มาตรา 44 เดินหน้าโครงการรถไฟไทย-จีน เส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ทำให้มีบุคคลต่างๆ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ โดยขอชี้แจงประเด็นที่ 1 ดังนี้ 1.1 นายดวงฤทธิ์ บุนนาค สถาปนิกชื่อดัง ระบุการใช้ มาตรา 44 ในการอนุญาตให้สถาปนิกจากจีนเข้ามาทำงานได้โดยไม่ต้องขอรับใบอนุญาต นั้นแม้ว่าจะอนุญาตให้เป็นการเฉพาะ แต่เป็นการเปิดช่องให้สถาปนิกจากชาติอื่นเข้าเจรจาภายใต้หลักการว่าด้วยการไม่เลือกปฏิบัติ ของ WTO ทำให้สถาปนิกทุกชาติทั่วโลกในสนธิสัญญา WTO เข้ามาปฏิบัติวิชาชีพในไทยได้อย่างเสรีทันที โดยไม่ต้องขอใบอนุญาตปฏิบัติวิชาชีพ ทำให้คนไทยที่ประกอบอาชีพนี้เดือดร้อนนั้น การดำเนินการดังกล่าวก็เพื่อให้ฝ่ายจีนเข้ามาดำเนินโครงการตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558-2565 (mou) เท่านั้น ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องกับประเด็นสนธิสัญญา WTO แต่อย่างใด
1.2 นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การให้สิทธิพิเศษแก่ประเทศจีน จะส่งผลให้นานาประเทศที่มีเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูงขาดโอกาสในการแข่งขันและจะส่งผลตามมาอย่างร้ายแรง คือ ประเทศไทยจะขาดความเชื่อมั่นในสังคมโลก กระบวนการในระบบกฎหมายของไทยไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม โดยเฉพาะในการทำนิติสัมพันธ์ระหว่างประเทศนั้น ตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558-2565 (mou) รัฐบาลไทยได้ตกลงให้รัฐบาลจีนเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงานตามกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558-2565 โดยเฉพาะโครงการรถไฟทางคู่ขนาดมาตรฐาน เส้นทางหนองคาย-แก่งคอย-โคราช-ท่าเรือมาบตาพุด และเส้นทางแก่งคอย-กรุงเทพฯ การดำเนินการจึงมีสอดคล้องกับบันทึกความเข้าใจฯ ดังกล่าวโดยไม่ขัดกับหลักการนิติสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
1.3 นายดิสพล ผดุงกุล นายกสมาคมวิศวกรรมระบบขนส่งทางรางไทย (วศรท.) ระบุว่า 1) การทำโครงการรถไฟความเร็วสูงไม่คุ้มกับการลงทุน คิดเฉลี่ยรัฐบาลจะมีรายได้ประมาณ 10 ล้านบาทต่อวัน จากการให้บริการประชาชนประมาณ 10,000 คนต่อวัน ในขณะที่มีการลงทุนในโครงการประมาณ 200,000-300,000 ล้านบาทนั้น โครงการรถไฟความเร็วสูง เป็นโครงการให้บริการด้านขนส่งมวลชนซึ่งไม่ได้มุ่งเน้นเพื่อการหารายได้จากค่าโดยสาร แต่การพัฒนาเส้นทางรถไฟเชื่อมโยงพื้นที่ภูมิภาคจะส่งผลต่อการพัฒนาเมืองและการกระจายความเจริญ ซึ่งเป็นผลประโยชน์ในภาพรวมต่อเศรษฐกิจของประเทศ
2)การใช้วิศวกรจีนทั้งหมดเข้ามาทำงาน โดยยกเว้นให้ไม่ต้องขึ้นทะเบียนตาม พ.ร.บ.วิศวกร พ.ศ. 2542 เป็นสิ่งไม่ถูกต้องนั้น ในการยกเว้น พ.ร.บ.วิศวกร พ.ศ. 2542 มาตรา 45 47 และ 49 คำสั่งคณะหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ ได้ระบุให้มีการอบรมและทดสอบตามความเหมาะสมเพื่อให้เกิดประโยชน์
3)ไม่เชื่อมั่นในเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยของจีน เพราะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จีนยังเคยมีเหตุการณ์รถไฟตกรางนั้น รถไฟความเร็วสูงของประเทศจีนมีการดำเนินการมาแล้วถึงกว่า 20,000 กิโลเมตร และเป็นโครงข่ายรถไฟความเร็วสูงขนาดใหญ่ที่สุดโดยมีมาตรฐานความปลอดภัยที่เป็นสากล หากเทียบสถิติการเกิดอุบัติเหตุต่อระยะทางการเดินรถรวมทั้งหมด จะมีสัดส่วนที่น้อยมาก ซึ่งไม่แตกต่างจากระบบที่ได้รับการพัฒนา.