เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. เวลา 13.30 น. ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลปกครองกลางที่ให้บริษัท ไทยทีวี จำกัด ระงับการจ่ายค่างวดประมูลทีวีดิจิทัลไว้ก่อนนับเป็นที่สิ้นสุดแล้วว่า ไทยทีวีไม่ต้องชำระเงินค่าประมูลอีกต่อไป ให้รอจนกว่าคดีที่ไทยทีวีฟ้องร้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ว่าดำเนินนโยบายผิดพลาดจะเป็นที่สิ้นสุด โดยประเด็นการฟ้องร้องกันระหว่างไทยทีวีกับ กสทช.มีอยู่ด้วยกัน 2 คดี 1.การฟ้องร้องขอระงับการจ่ายเงินงวดค่าประมูล ซึ่งที่สุดศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้ระงับการชำระไปแล้ว ส่วนคดีที่ 2.กรณีไทยทีวีฟ้องเรียกค่าเสียหายจากกสทช.เกือบ 1,000 ล้านบาทด้วยว่า กสทช.ในฐานะกำกับดูแล ไม่ได้ดำเนินการกำกับหรือดูแลการเปลี่ยนผ่านการรับชมทีวีดิจิทัลให้เป็นไปตามกฎหมายและแผนแม่บท
ทั้งนี้ ไทยทีวีประมูลช่องทีวีดิจิทัลได้ 2 ช่อง ได้แก่ ช่องข่าวในราคา 1,328 ล้านบาทและช่องเด็กที่ราคา 648 ล้านบาท คิดเป็นเงิน 1,976 ล้านบาท โดยได้ชำระเงินงวดแรกไปแล้ว 365.50 ล้านบาท แต่ยุติการชำระตั้งแต่งวดที่ 2 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตามธนาคารกรุงเทพในฐานะผู้ค้ำประกันวงเงินประมูล ได้ชำระแทนให้ในงวดที่ 2 และ 3 เป็นเงินรวมประมาณ 500 ล้านบาท ก่อนที่ศาลปกครองกลางจะมีคำสั่งให้ระงับการจ่ายไว้ก่อนเมื่อเดือน ธ.ค.2559 ที่ผ่านมา
นางพันธุ์ทิพา ศกุนต์ไชย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยทีวี จำกัด หรือ เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล เปิดเผยว่าขณะนี้ถือเป็นที่ สิ้นสุดแล้วว่า ไทยทีวีไม่ต้องชำระเงินค่าประมูลในงวดที่เหลือ ส่วนตัวนับว่าโล่งใจ ขณะนี้ก็ต้องรอผลการตัดสินอีกคดี ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลา 7-10 ปีจากนี้ ยืนยันว่า กสทช. ดำเนินนโยบายผิดพลาดจริง เพราะไม่เช่นนั้นทีวีดิจิทัลทั้งหมดคงไม่ลำบากเช่นนี้ และหากศาลตัดสินว่า กสทช.ผิด ก็ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้ไทยทีวีเกือบ 1,000 ล้านบาท.