นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ.เปิดเผยว่า ปตท.สผ.ได้ตัดสินใจระงับการลงทุนโครงการใหม่ๆ ในประเทศอินโดนีเซียไปจนกว่าคดีฟ้องร้องจากรัฐบาลอินโดนีเซียกับ ปตท.สผ.และบริษัทลูกของ ปตท.สผ.จะได้ข้อยุติ ทั้งนี้ สืบเนื่องจากรัฐบาลอินโดนีเซียได้ยื่นฟ้องบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), ปตท.สผ. และบริษัท PTTEP Australasia (PTTEP AA) ที่เป็นบริษัทลูกของปตท.สผ.เพื่อ เรียกค่าเสียหายจากเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลของแหล่งมอนทารา ในทะเลติมอร์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อปี 2552 นอกจากนี้ ในส่วนของ บริษัท PTTEP Netherlands Holding Coöperatie U.A. ซึ่งเป็นบริษัทลูกอีกแห่งหนึ่ง ของ ปตท.สผ.ที่ลงทุนในโครงการนาทูน่า ซี เอ ในอินโดนีเซียในปัจจุบันที่สัดส่วน 11.5% ก็จะยังลงทุนตามแผนงานและผลิตปิโตรเลียมตามปกติ เนื่องจากเห็นว่าเป็นคนละส่วนกัน
ส่วนประเด็นที่ระบุว่า รัฐบาลอินโดนีเซียจะยึดทรัพย์สินของ ปตท.สผ. และ PTTEP AA นั้นที่ปรึกษากฎหมายของ ปตท.สผ.ระบุชัดเจนว่าไม่สามารถยึดทรัพย์สินของ ปตท.สผ.และบริษัทลูกของ ปตท.สผ.ที่ลงทุนในอินโดนีเซียในปัจจุบันได้ เพราะเป็นกิจการของ ปตท.สผ.ที่อยู่นอกประเทศ และถือว่าคนละนิติบุคคลกับ ปตท.สผ.ที่ทำธุรกิจในไทย
นางประณต ติราศัย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานกิจการองค์กรและกำกับการปฏิบัติตามนโยบาย ปตท.สผ. กล่าวว่า รัฐบาลอินโดนีเซียได้ยื่นฟ้อง ปตท.สผ.ในศาลอินโดนีเซีย ซึ่งคำพิพากษาไม่สามารถบังคับใช้ได้ในประเทศไทยและประเทศออสเตรเลียได้ เนื่องจากอินโดนีเซียไม่มีการทำสนธิสัญญาการยอมรับคำพิพากษาระหว่างประเทศกับไทยและออสเตรเลีย ดังนั้นต้องมาฟ้องศาลที่ประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ปตท.สผ. ยังไม่ได้รับเอกสารเกี่ยวกับการฟ้องร้องอย่างเป็นทางการจากอินโดนีเซีย แต่ได้เตรียมพร้อมต่อสู้คดีแล้ว.