'สนธิรัตน์' เผยทีมเศรษฐกิจรัฐบาล ทำสมมติฐานผลกระทบที่จะเกิดขึ้น หากสหรัฐฯ ใช้มาตรการจัดการกับไทยแก้ปัญหาขาดดุล มีทั้งระดับรุนแรง ปานกลาง และไม่รุนแรง แต่เชื่อไม่รุนแรงแน่ เหตุไทยไม่ใช่ประเทศเป้าหมาย ยันถ้าใช้มาตรการไม่เป็นธรรม ไทยมีสิทธิ์ชี้แจง พร้อมเผยกังวลทรัพย์สินทางปัญญา หวั่นมะกันใช้เป็นข้ออ้างหามาตรการซ้ำเติมหนัก
เมื่อวันที่ 5 เม.ย. 60 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งพิเศษ (Executive Order) เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุการขาดดุลการค้ากับ 16 ประเทศ รวมถึงไทยว่า ขณะนี้ ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลได้จัดทำสมมติฐานกรณีที่สหรัฐฯ อาจใช้มาตรการต่างๆ กับไทย เพื่อแก้ปัญหาขาดดุลการค้ากับไทย ซึ่งมีทั้งคาดว่าจะเกิดผลกระทบกับไทยในระดับรุนแรง ปานกลาง และไม่รุนแรง รวมถึงในสัปดาห์หน้า จะหารือกับภาคเอกชนที่ทำการค้า การลงทุนกับสหรัฐฯ เพื่อเตรียมรับมือกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
“เบื้องต้น คาดว่าสหรัฐฯ น่าจะใช้มาตรการอะไรที่ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบกับเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนของไทยอย่างรุนแรง เพราะไทยไม่ใช่เป้าหมายที่จะจัดการ อีกทั้ง ทุนสหรัฐฯ ลงทุนในไทยมหาศาล หากรัฐบาลสหรัฐฯ ใช้มาตรการใดๆ กับไทย ก็จะกระทบต่อทุนสหรัฐฯ ในไทยด้วย”
นอกจากนี้ นโยบายของไทยยังไม่เข้าเงื่อนไข ที่สหรัฐฯ กล่าวอ้างกับประเทศอื่นๆ ที่ได้ดุลการค้าสหรัฐฯ โดยเฉพาะนโยบายแทรกแซงค่าเงินให้อ่อนค่า ซึ่งรัฐบาลไทยไม่เคยทำ แต่ปล่อยให้เป็นไปตามกลไก อย่างไรก็ตาม หากสหรัฐฯ ใช้มาตรการใดๆ ก็ตามโดยไม่เป็นธรรม ไทยสามารถเจรจา หรือชี้แจงกับสหรัฐฯ ได้
นายสนธิรัตน์ กล่าวต่อถึงประเด็นปัญหาที่ไทยมีต่อสหรัฐฯ และกังวลว่าสหรัฐฯอาจออกมาตรการมาซ้ำเติมว่า ประเด็นที่กังวลคือ ทรัพย์สินทางปัญญา ที่สหรัฐฯอ้างว่า ไทยยังแก้ปัญหาล่าช้า และไทยเกรงว่า สหรัฐฯ อาจออกมาตรการกีดกันการนำเข้าสินค้าจากไทย ซึ่งที่ผ่านมา การที่สหรัฐฯ จัดให้ไทยอยู่ในกลุ่มประเทศที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ ด้านทรัพย์สินทางปัญญา ตามกฎหมายการค้า มาตรา 301 พิเศษ ทำให้ไทยเดินหน้าป้องกันและปราบปรามการละเมิดอย่างเต็มที่ มีการออกกฎหมาย และแก้ไขกฎหมายหลายฉบับ เพื่อป้องกันการละเมิด จนทำให้การขายสินค้าละเมิดเบาบางลงมาก
“ถ้าการทบทวนสถานะในปีนี้ สหรัฐฯ จะให้ไทยอยู่ในบัญชีพีดับบลิวแอลต่ออีกปีก็ไม่ใช่เรื่องเป็นเรื่องตาย ถ้าเราพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นหลายประเทศ อย่าง จีน ยุโรป ก็ยังมองว่าไทยน่าลงทุน และมีการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา”
อย่างไรก็ตาม กรณีการขาดดุลการค้านั้น ยังไม่มีเอกสารอย่างเป็นทางการออกมาจากสหรัฐฯ ว่ามีชื่อของไทยรวมอยู่ในกลุ่มประเทศที่สหรัฐฯ ต้องหาสาเหตุการขาดดุลด้วย เพียงแต่มีรายงานจากสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (ยูเอสทีอาร์) เกี่ยวกับการประเมินผลด้านการค้าของสหรัฐฯ ที่เกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศประจำปี 60 (2017 National Trade Estimate Report on Foreign Trade) ที่ระบุว่า ปี 59 สหรัฐฯ ขาดดุลการค้าสินค้ากับไทยมูลค่า 18,900 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 8.7% หรือ 1,500 ล้านเหรียญฯ จากปี 58.