นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในฐานะประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปิดเผยถึงมาตรการ “ยกระดับความปลอดภัยในการใช้โมบายแบงกิ้ง Mobile Banking” ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า รัฐบาลกำหนดให้การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และบัญชีม้า เป็นนโยบายสำคัญ ด้วยการยกระดับความปลอดภัยโมบายแบงกิ้ง ซึ่งเป็นการสกัดกั้นบัญชีม้า เพื่อให้ชื่อบัญชีโมบายแบงกิ้งตรงกับชื่อเจ้าของซิมมือถือ
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์กว่า 120 ล้านหมายเลข ได้แบ่งผู้ใช้งานเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่ม M แจ้งชื่อเจ้าของซิมและชื่อบัญชีโมบายแบงกิ้งตรงกัน 75.8 ล้านหมายเลข 2.กลุ่ม N ชื่อเจ้าของซิม และบัญชีโมบายแบงกิ้งไม่ตรงกัน มี 30.9 ล้านหมายเลข และ 3.กลุ่ม P ไม่พบชื่อเจ้าของซิม/ไม่มีข้อมูล 13.5 ล้านหมายเลข
“ธนาคารจะแจ้งลูกค้ากลุ่ม N และกลุ่ม P ผ่านโมบายแบงกิ้งตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 68 ประชาชนที่ได้รับแจ้งต้องอัปเดตข้อมูลชื่อเจ้าของซิม และชื่อผู้ใช้งานบัญชีโมบายแบงกิ้งให้ตรงกันภายใน 90 วัน สิ้นสุดวันที่ 30 เม.ย. 68 ไม่เช่นนั้น จะถูกระงับใช้งานชั่วคราว สำหรับกลุ่ม N ที่เป็นบัญชีต่างชาติ ลูกค้าที่เปิดบัญชีตั้งแต่ปี 65 และเปิดใช้งานโมบายแบงกิ้งก่อนปี 66 สามารถติดต่อศูนย์บริการโทรศัพท์มือถือ หรือธนาคารเพื่อเปลี่ยนชื่อให้ตรงกันภายในวันที่ 30 เม.ย. 68 ไม่เช่นนั้น อาจถูกระงับใช้งานโมบายแบงกิ้ง ส่วนกลุ่ม P ลูกค้าที่เปิดบัญชีตั้งแต่ปี 65 และเปิดใช้งานโมบายแบงกิ้งก่อนปี 66 ติดต่อศูนย์บริการโทรศัพท์มือถือ ลงทะเบียนชื่อซิมให้ตรงกับบัญชีโมบายแบงกิ้งภายใน 30 เม.ย. 68 เช่นกัน”
การเก็บรวบรวมข้อมูลนี้นำไปใช้เพื่อ กิจกรรมทางการตลาดโดย ยึดหลัก ปฏิบัติตามนโยบายคุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคล