Thairath OnlineThairath PlusThairath SportThairath TVMIRROR
รปภ.เฮ!ครม.ไฟเขียวจ่ายโอที

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

รปภ.เฮ!ครม.ไฟเขียวจ่ายโอที

Date Time: 29 ม.ค. 2568 07:30 น.

Summary

  • ครม.อนุมัติกฎหมายจ่ายโอที พนักงาน รปภ. ที่ทำงานเกินวันละ 8 ชั่วโมง วันธรรมดาได้ 1.25 เท่า วันหยุดได้เงิน 2.5 เท่า

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการกำหนดค่าล่วงเวลาและค่าตอบแทนการทำงานที่เกินกว่าแปดชั่วโมงในงานเฝ้าดูแลสถานที่หรือทรัพย์สินอันเป็นหน้าที่การทำงานปกติของลูกจ้าง พ.ศ. ....ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่จะมีการจ่ายเงินค่าโอทีให้กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) มีสาระสำคัญ เป็นการกำหนดอัตราค่าล่วงเวลาหรือค่าตอบแทนการทำงานกรณีทำงานเกินวันละ 8 ชั่วโมงในงานเฝ้าดูแลสถานที่หรือทรัพย์สินอันเป็นหน้าที่การทำงานปกติของลูกจ้างในวันทำงานปกติ โดยให้นายจ้างจ่ายค่าล่วงเวลาในอัตราไม่น้อยกว่า 1.25 เท่าของอัตราค่าจ้างต่อชั่วโมง และการทำงานในวันหยุด ให้จ่ายค่าทำงานในวันหยุดสำหรับการทำงาน 8 ชั่วโมงและค่าล่วงเวลาในอัตราไม่น้อยกว่า 2.5 เท่า

ทั้งนี้ เพื่อคุ้มครองลูกจ้างให้ได้รับความเป็นธรรมในเรื่องของค่าตอบแทนในการทำงานนอกเวลาทำงานปกติ โดยกรณีที่นายจ้างและลูกจ้างตกลงกำหนดเวลาทำงานปกติเกินกว่า 8 ชั่วโมง เมื่อรวมเวลาทำงานปกติต่อสัปดาห์แล้วจะต้องไม่เกิน 48 ชั่วโมง จากเดิมที่ไม่มีสิทธิได้รับค่าล่วงเวลาในวันทำงานและค่าล่วงเวลาในวันหยุด แต่มีสิทธิได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินเท่ากับอัตราจ้างต่อชั่วโมงในวันทำงานตามจำนวนชั่วโมงที่ทำ โดยให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 365 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป และให้ยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดงานที่ลูกจ้างไม่มีสิทธิได้รับค่าล่วงเวลาในวันหยุด พ.ศ. 2552  

ขออภัยในความไม่สะดวก ระบบกำลังตรวจสอบการใช้งาน กรุณาลองใหม่อีกครั้ง

Thairath Poll

สำรวจข้อมูลทางประชากรศาสตร์ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของเว็บไซต์

ช่วงอายุของคุณ

การเก็บรวบรวมข้อมูลนี้นำไปใช้เพื่อ กิจกรรมทางการตลาดโดย ยึดหลัก ปฏิบัติตามนโยบายคุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคล


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ


เราใช้คุ้กกี้

เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น

อ่านเพิ่มเติมคลิก(Privacy Policy) และ (Cookie Policy)