หนุนฟ้องแอปเงินกู้เถื่อน รัฐตั้งกรรมการล้อมคอก “ออปโป้-เรียลมี”

“จิราพร” ให้ตั้งคณะกรรมการล้อมคอก “ออปโป้–เรียลมี” ติดตั้งแอป โดยไม่ได้รับความยินยอมจากประชาชน เพื่อแก้ปัญหาให้ครบทุกมิติ หลังประมวลแล้วหาทางเอาผิดยาก นอกเหนือจากกรณีปล่อยกู้แล้วคิดดอกเบี้ยเกิน 15% ด้านสภาผู้บริโภคชง 6 แนวทางช่วยผู้บริโภค

น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือกรณีโทรศัพท์มือถือยี่ห้อออปโป้ และยี่ห้อเรียลมี ซึ่งมีติดตั้งแอปพลิเคชันเงินกู้มาจากโรงงานผลิต ว่า เบื้องต้นมีความเห็นว่าจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ปัญหาให้ครบทุกมิติ ตั้งแต่การตรวจสอบการติดตั้งแอปโดยที่ผู้ใช้บริการไม่ได้ยินยอม การหาเจ้าภาพจัดทำกฎหมายเพื่ออุดช่องโหว่และป้องกันเชิงรุก เพราะเท่าที่ประมวลผลกันเรายังไม่มีกฎหมายหรือมาตรการใดไปบังคับให้ถอนแอปออกได้ทันที เป็นการขอความร่วมมือจากบริษัททั้งสองแห่ง

อย่างไรก็ตาม การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเพื่อระงับยับยั้งความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น ทางกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้ประสานบริษัทเพื่อถอนแอปนั้นออก ซึ่งทั้งสองบริษัทจะแจ้งผลในวันที่ 16 ม.ค.จะสามารถดำเนินการได้หรือไม่ นอกจากนี้ ได้หารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะเป็นเจ้าภาพคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ตรวจสอบ โดยจะนำตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยกันตรวจแอปในเชิงรุก

“เบื้องต้นที่ตรวจสอบพบว่า แอป Fineasy เป็นแพลตฟอร์มที่โฆษณาแอปเงินกู้ ไม่ได้ปล่อยกู้โดยตรง แต่มีบริษัทปล่อยกู้มาโฆษณา ส่วนแอปสินเชื่อความสุข เป็นแอปปล่อยกู้เลย ไม่ได้ขออนุญาตจาก ธปท.จะให้ผู้เสียหายมาให้ข้อมูล หากปล่อยกู้เกิน 15% ก็ผิดกฎหมายจะประสานตำรวจดำเนินการต่อ และติดตั้งแอปโดยไม่ได้รับความยินยอม ถือว่าทางบริษัทผู้จำหน่ายมือถือมีส่วนสนับสนุนกระทำความผิดเช่นกันก็ต้องรับผิดชอบ ซึ่งมีโทษทั้งจำและปรับเป็นหลักล้านบาท”

ทั้งนี้ ขอให้ผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบสามารถมาร้องเรียนกับ สคบ.ที่จะช่วยดูแลความเสียหายทางแพ่งให้เพื่อประสานดำเนินคดีต่อไป และตำรวจ บก.ปคบ.ก็พร้อมรับเรื่องที่ประชาชนได้ร้องเรียนจากสภาคุ้มครองผู้บริโภค และดูการคุ้มครองทางอาญาต่อไปด้วย

ด้านสภาผู้บริโภคได้เสนอ 6 แนวทางสำคัญในการแก้ปัญหาที่ผู้บริโภคกำลังเผชิญอยู่ ประกอบด้วย 1.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเข้มงวด 2.ยกระดับความปลอดภัยของมือถือ 3.ตรวจสอบความโปร่งใสของสินเชื่อออนไลน์ 4.คืนเงินและยกเลิกหนี้ที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งสภาผู้บริโภคพร้อมฟ้องคดีกลุ่มให้คืนเงินกับผู้เสียหายทุกราย 5.ลงโทษผู้ปล่อยกู้ผิดกฎหมาย และ 6.จัดการการทวงหนี้ผิดกฎหมาย.

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” เพิ่มเติม