โหมโรง "บ้านเพื่อ (คน) ไทย"

คอลัมน์ The Issue ขอสวัสดีปีใหม่ และขอให้พี่น้องชาวไทย ท่านผู้อ่านหนังสือพิมพ์ไทย ที่ร่วมเดินทางกับพวกเรา ก้าวสู่ปีที่ 76 มีความสุขสดใสตลอดปีงูเล็ก...

ขอเริ่มต้นคอลัมน์ด้วยโครงการบ้าน “เพื่อคนไทย” เพราะบ้านคือจุดเริ่มต้นของความสุข และบ้านคือวิมานของทุกคน ใครๆ ก็อยากมีบ้านเป็นของตัวเอง เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีความมั่นคงในชีวิต

รัฐบาลภายใต้การนำของ “น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายก รัฐมนตรี” ได้ประกาศเสียงดังๆทั้งประเทศเมื่อปลายปี 2567 ที่ผ่านมา ว่า จะสานฝันให้คนเริ่มทำงานมีบ้านเป็นของตัวเอง ภายใต้โครงการ “บ้านเพื่อคนไทย” หรือจะมีใครหลายๆคนเรียกว่า “บ้านเพื่อไทย” ก็ตามสบาย โนสน โนแคร์ เพราะนโยบายนี้คิดและทำโดย “พรรคเพื่อไทย”

นโยบายบ้านเพื่อคนไทยนี้ จะเป็นไฮไลต์และเป็นการโหมโรงการทำงานของรัฐบาลในปี 2568 ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมพื้นที่เพื่อจะดำเนินการไว้แล้ว 3 ทำเล โดยทำเลแรก คือ ที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ถนนรามอินทรา กิโลเมตร (กม.) 11 ซึ่ง รฟท.ได้มอบหมายให้บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ รฟท.ดำเนินการ เพื่อความคล่องตัวในการดำเนินการ ที่ดินพื้นที่ติดรถไฟฟ้าสายสีชมพู ทำเลถัดมา คือ บริเวณสถานีรถไฟเชียงราก และสถานีรถไฟฟ้าธนบุรี

ส่วนราคานั้นไม่เกิน 1–1.5 ล้านบาท ซื้อบ้านไม่ต้องมีเงินดาวน์ เปรียบเสมือนจ่ายค่าเช่าบ้านแทน เพราะจ่ายเดือนละ 4,000 บาท สามารถยื่นขอสินเชื่อผ่านธนาคาร อาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ได้ หากผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติครบถ้วน จะได้สิทธิกู้ระยะยาว 30–40 ปี อัตราดอกเบี้ยต่ำ และได้สิทธิอยู่อาศัย 99 ปี ตาม พ.ร.บ.ทรัพย์อิงสิทธิ พ.ศ.2562 ที่อยู่ระหว่างการเสนอแก้ไข จากปัจจุบันให้เช่า 30 ปี เปลี่ยนเป็น 90 ปี เพื่อจูงใจให้มีการลงทุน

และเมื่อการแก้ไขกฎหมายสำเร็จ มีผลบังคับใช้การเช่าที่ดิน 90 ปีสิ้นสุดลง ที่ดิน ณ ที่แห่งนี้ ต้องตกเป็นของแผ่นดิน เพราะในสัญญาจะระบุว่าตั้งแต่แรกในวันทำสัญญา

สำหรับเงื่อนไขสำคัญของการสมัครเข้าร่วมโครงการบ้านเพื่อคนไทยนั้น ข้อแรก คือ ต้องไม่เคยมีบ้านเป็นของตัวเองมาก่อน เรียกว่า เป็นบ้านหลังแรก ไม่ติดเครดิตบูโร เพราะรัฐบาลต้องการให้คนที่ไม่เคยมีบ้านได้มีบ้านเป็นของตนเอง เปลี่ยนจากค่าเช่าเป็นค่าผ่อนบ้าน แล้วมีสิทธิเป็นเจ้าของได้อาศัยอยู่อย่างยาวนาน

ดังนั้น ขบวนการตรวจสอบคุณสมบัติจะเข้มข้นมาก และต้องลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันที่รัฐบาลกำหนดไว้ เพื่อตรวจสอบข้อมูล เนื่องจากปัจจุบันข้อมูลทุกอย่างเชื่อมโยงผ่านระบบออนไลน์แล้ว การตรวจสอบคุณสมบัติผู้ได้รับสิทธิจะรวดเร็ว ไม่เกิน 2 สัปดาห์น่าจะมีคำตอบชัดเจนว่าได้รับสิทธิหรือไม่

ส่วนวันลงทะเบียนเพื่อรับสิทธินั้น ขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดวันเวลาที่ชัดเจน แต่คาดว่าไม่เกินไตรมาสแรกปีนี้

และรัฐบาลประกาศแบบชัดๆว่า ห้ามซื้อบ้านโครงการนี้ แล้วนำไปให้เช่าโดยเด็ดขาด และห้ามคนที่มีบ้านหลังแรกแล้ว มาซื้อเป็นบ้านหลังที่สองหรือสาม มิเช่นนั้นจะตัดสิทธิทันที

เพราะเหตุผลสำคัญของการทำนโยบายนี้ เพื่อให้คนที่ไม่มีบ้านของตัวเอง เปลี่ยนจากการเช่าบ้านคนอื่น มาเป็นเช่าบ้านของตนเอง เพราะค่าผ่อนบ้านเท่ากับค่าเช่า หรืออาจจะสูงกว่าเช่าเล็กๆน้อย แต่ได้ทรัพย์สินเป็นของตัวเอง และการซื้อบ้านในโครงการนี้ ไม่ต้องมีเงินดาวน์ เพื่อต้องการช่วยกลุ่มที่มีรายได้น้อยจริงๆ

ดังนั้น คนที่มีบ้านอยู่แล้วไม่ต้องคิด ไม่ต้องใช้นอมินีมาลงทะเบียนเพื่อมารับสิทธิ “บ้านเพื่อคนไทย” เพราะหากตรวจสอบพบ...จะตัดสิทธิทันที

สำหรับแบบ “บ้านเพื่อคนไทย” จะเป็นบ้านและคอนโดมิเนียม โดยบ้านเดี่ยวจะเป็นบ้านชั้นเดียว เนื้อที่ 50 ตารางวา มี 2 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น 2 ห้องน้ำ คอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้น ขนาด 30 ตารางเมตร โดยพื้นที่ในเมืองจะเน้นเป็นคอนโดมิเนียม ทำเลใกล้รถไฟฟ้า ส่วนต่างจังหวัดจะเน้นเป็นบ้านเดี่ยว มีพื้นที่ใช้สอย

ส่วนการก่อสร้างคอนโดมิเนียมนั้น จะเปิดประมูลหาผู้รับเหมาก่อสร้างตามแบบบ้าน และคอนโดมิเนียม ที่ได้กำหนดไว้แล้ว คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้าง 1-2 ปี จากนั้นผู้ที่มีสิทธิสามารถย้ายเข้ามาอยู่ได้เลย คาดว่าไม่เกินปลายปี 2568 หรือต้นปี 2569 จะเปิดให้ประชาชนได้เข้าอยู่อาศัย “บ้านเพื่อคนไทย”

สำหรับจำนวนหน่วยของ “บ้านเพื่อคนไทย” นั้น ตามแผนงานจะก่อสร้างรวม 100,000 หน่วยกระจายอยู่ทั่วประเทศ ใช้ที่ดินของราชการเป็นหลัก เพื่อลดต้นทุน ทำให้บ้านราคาถูกกว่าท้องตลาด และไม่ได้แข่งขันกับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ เพราะแบ่งกลุ่มรายได้ชัดเจน

หวังว่า “บ้านเพื่อคนไทย” จะไม่ซ้ำรอย “บ้านเอื้ออาทร” ซึ่งกาลเวลาเท่านั้นจะพิสูจน์ผลงานอันมีคุณค่า หรือจะกลายเป็นซากรกร้างของรัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร”.

ดวงพร อุดมทิพย์

คลิกอ่านคอลัมน์ “The Issue” เพิ่มเติม