ดัน 2 มาตรการแจกเงินหมื่น-ลดภาษี รัฐอัดฉีดแสนล้านกระตุ้นต้นปี หวังดันจีดีพีโตเกิน 3%

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ดัน 2 มาตรการแจกเงินหมื่น-ลดภาษี รัฐอัดฉีดแสนล้านกระตุ้นต้นปี หวังดันจีดีพีโตเกิน 3%

Date Time: 21 ธ.ค. 2567 10:00 น.

Summary

  • คลังเตรียมเสนอ 2 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต้นปีหน้า เข้า ครม. ในวันที่ 24 ธ.ค.นี้ หวังผลักดันเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจแตะ 140,000 ล้านบาท พร้อมช่วยกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงต้นปี

Latest

“พิชัย”หวังดึงทัพลงทุนญี่ปุ่นกลับไทย  โชว์วิสัยทัศน์บนเวทีฟอรั่มใหญ่ หนุนอุตสาหกรรมแห่งอนาคต

คลังเตรียมเสนอ 2 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต้นปีหน้า เข้า ครม. ในวันที่ 24 ธ.ค.นี้ หวังผลักดันเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจแตะ 140,000 ล้านบาท พร้อมช่วยกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงต้นปี คาดตัวเลขจีดีพีปีหน้าขยายตัวเกิน 3% แม้เศรษฐกิจโลกยังเผชิญความเสี่ยง แต่ศูนย์วิจัยฯไทยพาณิชย์มองสวนเศรษฐกิจปีหน้าย่ำแย่จากผลกระทบจากหลายปัจจัย ลดเป้าโตเศรษฐกิจไทยปีหน้าเหลือ 2.4%

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า มาตรการแรก คือโครงการแจกเงิน 10,000 บาท สำหรับผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป โดยเบื้องต้นมีผู้ผ่านการคัดกรองสิทธิ์ประมาณ 3.2 ล้านคน ใช้งบประมาณรวม 32,000 ล้านบาท หากมาตรการนี้ผ่านการพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะมีการประกาศรายชื่อผู้ได้รับสิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ และเริ่มโอนเงินให้ทันก่อนเทศกาลตรุษจีนในเดือน ม.ค.2568

มาตรการที่สอง คือโครงการ Easy E-Receipt เพื่อสนับสนุนการใช้จ่ายผ่านร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์ โดยเปิดให้ประชาชนนำวงเงินการใช้จ่ายมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 50,000 บาท แบ่งเป็น 30,000 บาท สำหรับการซื้อสินค้าและบริการทั่วไป เช่น แพ็กเกจทัวร์และโรงแรม และอีก 20,000 บาท สำหรับสินค้าจากวิสาหกิจชุมชน โดยจะเริ่มใช้จ่ายตั้งแต่กลางเดือน ม.ค.ถึงสิ้นเดือน ก.พ. โดยการใช้จ่ายจะต้องซื้อสินค้าหรือบริการผ่านร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์ และสามารถออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างถูกต้อง ซึ่งหากมีการใช้สิทธิ์ลดหย่อนเต็มจำนวน จะได้รับเงินคืนสูงถึงคนละ 10,000-15,000 บาท

อย่างไรก็ตาม สินค้าบางประเภท เช่น สุรา ยาสูบ น้ำมัน ค่าไฟ โทรศัพท์มือถือ ประกันภัย และทองคำ จะไม่ได้รับสิทธิ์ลดหย่อนในโครงการนี้ โดยมาตรการนี้คาดว่าจะดึงดูดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจราว 70,000 ล้านบาท รัฐบาลจะสูญเสียรายได้ราว 10,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันคาดว่าจะมีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการหรือเข้าสู่ระบบภาษีเพิ่มราว 20% จากปีก่อน

นายจุลพันธ์ระบุว่า ทั้ง 2 มาตรการนี้เมื่อรวมกับโครงการแจกเงินไร่ละ 1,000 บาท ให้ชาวนาที่เริ่มจ่ายไปแล้วกว่า 30,000 ล้านบาท จะช่วยผลักดันกำลังซื้อในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 โดยเศรษฐกิจไทยจะมีเม็ดเงินราว 140,000 ล้านบาท ที่รัฐบาลใส่เข้าไปหมุนเวียนในระบบ และคาดว่าจะทำให้ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพีของไทยขยายตัวได้เกิน 3% ที่สำคัญทั้ง 3 โครงการเป็นการกระจายการดูแลความช่วยเหลือได้ครบทุกกลุ่ม

อย่างไรก็ตาม นายสมประวิณ มันประเสริฐ รองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) คาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2568 ว่า จะขยายตัวเพียง 2.4% ปรับลดจากเดิมที่ 2.6% โดยระบุว่า ปัจจัยเสี่ยงจากสถานการณ์ “Trump 2.0” และปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ไทยมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกขึ้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ ซึ่งกว่า 70% ของสินค้าส่งออก โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ และเครื่องจักร

นอกจากนี้ ปัญหาหนี้ครัวเรือนยังคงกดดันกำลังซื้อในประเทศ โดยผลสำรวจพบว่า กว่า 60% ของคนไทย โดยเฉพาะกลุ่มรายได้น้อย มองว่าเศรษฐกิจปีหน้าจะแย่ลง โดยเฉพาะกลุ่มคนรายได้ต่ำ สะท้อนความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ยังอ่อนแอ และมีแนวโน้มปรับลดการใช้จ่ายลง เพราะไม่แน่ใจในภาวะเศรษฐกิจและรายได้ในอนาคต ส่งผลให้ประชาชนลดการใช้จ่ายและชะลอการตัดสินใจซื้อสินทรัพย์ขนาดใหญ่ เช่น บ้านและรถยนต์ โดยมองว่าอุปสรรคสำคัญ คือ การขออนุมัติสินเชื่อ ปัจจัยราคา รายได้ และภาระชำระหนี้

ขณะเดียวกันประเมินว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% ในเดือน ก.พ.2568 เหลือ 2% เพื่อช่วยลดภาระหนี้สินและกระตุ้นเศรษฐกิจ และคงไปตลอดช่วงที่เหลือของปี เนื่องจากในระยะข้างหน้าเศรษฐกิจไทยจะเผชิญความเสี่ยงเพิ่มขึ้นมาก การลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมจะช่วยบรรเทาภาระหนี้ และลดผลกระทบภาวะการเงินตึงตัวต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้บ้าง และในปี 68 คาดว่า เงินทุนเคลื่อนย้ายจะยังไหลออกต่อเนื่อง ในขณะที่ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าในช่วงครึ่งแรกของปี แต่คาดว่าจะเริ่มกลับมาแข็งค่าช่วงครึ่งปีหลัง.

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ