กฤษฎีกาท้วงแจกเงินหมื่นผู้สูงอายุ ชี้ขัดข้อกฎหมายบางประการ “นายกฯอิ๊งค์” สั่งกระทรวงการคลังถอนวาระออกจากที่ประชุม ครม. ทั้งที่บรรจุเป็นวาระเพื่อพิจารณาเรียบร้อยแล้ว พร้อมให้นำกลับไปทบทวนก่อนนำเข้า ครม.อีกครั้งสัปดาห์หน้า ขณะที่แจกเงิน 1,000 บาท ชาวนา ผ่านฉลุย รอรับได้ใน 10 วัน
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ประชุมรัฐมนตรี (ครม.) ยังไม่อนุมัติโครงการแจกเงินหมื่นเฟส 2 หรือโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุว่า ต้องขอตรวจความรอบคอบในเรื่องกฎหมายก่อน เมื่อถามว่าที่บอกว่าติดเรื่องข้อกฎหมายนั้นติดขัดในส่วนไหน น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ขอพิจารณาข้อกฎหมายในรายละเอียดเพื่อให้เกิดความรอบคอบไม่ได้ติดเรื่องอะไร แต่เรื่องเนื้อความที่เขียนทางกระทรวงการคลังกำลังดูอยู่
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าวเพิ่มเติมถึงโครงการแจกเงินหมื่นเฟส 2 หรือโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุเงื่อนไขที่ติดอยู่ไม่ได้ติดขัดเรื่องของข้อกฎหมาย แต่เป็นรายละเอียดที่ต้องดูเอกสารให้ครบถ้วนคาดว่า จะสามารถเสนอให้ ครม.พิจารณาอีกครั้งในสัปดาห์หน้า ซึ่งยังมองว่าจะแจกเงินได้ทัน 29 ม.ค.2568 แน่นอน
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เรื่องโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุถูกถอนออกจากวาระการประชุมคณะรัฐมนตรีก่อนที่จะมีการพิจารณา เนื่องจากนายกรัฐมนตรีได้ให้ข้อสังเกตการณ์ในข้อกฎหมายบางประการ และเงื่อนไขในการดำเนินการเฟสแรกมีข้อติดขัดใดบ้าง โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำกลับมาปรับ มองว่าช้าดีกว่าต้องมาแก้ไขในภายหลัง โดยคาดว่าโครงการนี้จะเสนอ ครม.ภายในสัปดาห์หน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การที่วาระดังกล่าวต้องถอนออกจากที่ประชุม ครม. ทั้งที่ถูกบรรจุเป็นวาระเพื่อพิจารณาในที่ประชุม ครม. วันที่ 3 ธ.ค.2567 เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากถูกเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาทักท้วงให้ไปตรวจสอบข้อกฎหมายให้ชัดเจนก่อน ซึ่งรัฐมนตรีที่เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่ก็ฟังแล้วไม่เข้าใจว่าเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับประเด็นใด อย่างไร ก็ตาม ก่อนที่วาระดังกล่าวจะถูกถอนออก กระทรวงการคลังได้เตรียมนำข้อเสนอให้ ครม. พิจารณา โดยระบุว่าโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ ถือเป็นส่วนหนึ่งของกรอบหลักการในการดำเนินโครงการ Digital Wallet ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 เม.ย.2567 โดยให้มีการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของกรอบการดำเนินโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet เฉพาะผู้มีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป จากการสนับสนุนวงเงินสิทธิ์ 10,000 บาท สำหรับซื้อสินค้ากับผู้ประกอบการร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ Digital Wallet เป็นการจ่ายเงิน 10,000 บาท โดยไม่กำหนดเงื่อนไขการใช้จ่าย
พร้อมกันนี้จะขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 งบกลางรายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ ไม่เกิน 40,000 ล้านบาทมาดำเนินการ และให้กรมบังคับคดีกำหนดแนวปฏิบัติเพื่ออนุญาตให้บุคคลล้มละลายหรือถูกพิทักษ์ทรัพย์ เปิดบัญชีเงินฝากธนาคารและถอนเงินเป็นกรณีพิเศษ เพื่อรับเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ และเบิกถอนเงินดังกล่าวเพื่อใช้จ่าย
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุม ครม.วานนี้ (3 ธ.ค.) ได้เห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2567/68 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้เกษตรกรสามารถดำรงชีพได้ โดยกลุ่มเป้าหมาย 4.61 ล้านครัวเรือน ซึ่งรัฐบาลจ่ายเงินสนับสนุนแก่เกษตรกร อัตราไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 10 ไร่ และครัวเรือนละไม่เกิน 10,000 บาท
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า โครงการนี้จะใช้วงเงิน 38,578.19 ล้านบาท จึงขอประกาศให้ชาวนาทั่วประเทศรับทราบพร้อมกันว่า ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะไปกำหนดการวางแผนจ่ายเงินให้กับชาวนาต่อไป โดยเงื่อนไขเกษตรกรที่จะได้รับเงินไร่ละ 1,000 บาท ต้องเป็นเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร ซึ่งทางกรมจะส่งรายชื่อให้ ธ.ก.ส. เพื่อโอนเงินไร่ละ 1,000 บาทให้ กำหนดแบ่งการโอนเป็นรอบต่อไป โดยจะจ่ายได้ไม่เกิน 10 วันทำการ นับจากวันนี้ ซึ่งเกษตรกรสามารถเข้าไปเช็กสถานะทะเบียนเกษตรได้ผ่านออนไลน์ e-Form เว็บไซต์ https://efarmer.doae.go.th/check
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่