นางสาวพราวพุธ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PROUD เปิดเผยว่า บริษัทเดินหน้าพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่บนพื้นที่ 35 ไร่ ประกอบด้วย สวนน้ำวานา นาวา บนพื้นที่ 20 ไร่ โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ 10 ไร่ และคอนโดมิเนียมเวหา หัวหิน (VEHHA Hua Hin) อีก 5 ไร่
ปัจจุบันมียอดขายสูงถึง 1,500 ล้านบาท ซึ่งได้รับความสนใจจากทั้งลูกค้าชาวไทยและต่างชาติ โดยมีชาวต่างชาติเป็นสัดส่วนสูงถึง 45% ส่วนใหญ่เป็นชาวยุโรปที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง นอกจากนี้ยังมีลูกค้าจากรัสเซียและสหรัฐอเมริกาด้วย ขณะที่ลูกค้าไทยมีสัดส่วน 55%
ปัจจุบันงานก่อสร้างคืบหน้าไปแล้วกว่า 60% คาดว่าจะส่งมอบได้ในไตรมาส 2 ปี 2568 โดยจุดเด่นของโครงการคือการเป็นอาคารสูงที่สามารถมองเห็นวิวทะเล โดยเฉพาะในส่วนเพนต์เฮาส์ที่สามารถชมวิวได้ 270 องศา ทั้งเขาตะเกียบ ทะเล ภูเขา และพระอาทิตย์ตก
“การซื้อคอนโดฯ ที่หัวหิน สิ่งหนึ่งที่เราเห็นคือ ลูกค้าต้องการวิวทะเล ซึ่งสำคัญกว่าระยะทางการเดินไปทะเล” พราวพุธ กล่าว
นอกจากบริษัทได้มีการเปิดทางเชื่อมพิเศษระหว่างโครงการและสถานีรถไฟหนองแก โดยการเปิดตัวเส้นทางนี้เป็นการผสานความร่วมมือระหว่างโรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ วานา นาวาและการรถไฟแห่งประเทศไทย ทั้งนี้เพื่อเป็นการยกระดับประสบการณ์การเดินทางของลูกบ้านและนักท่องเที่ยวในหัวหิน ซึ่งจะสามารถเชื่อมต่อกับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมืองได้อย่างง่ายดาย
“ย้อนกลับไปในวันที่บริษัทตัดสินใจซื้อที่ดินตรงนี้มา พราว กรุ๊ป ต้องการที่จะสร้างให้เป็นโครงการมิกซ์ยูสใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในหัวหิน ในวันนั้นที่เราซื้อที่ เราเห็นแล้วว่าอยู่ติดกับสถานีรถไฟหนองแก ที่ผ่านมาเป็นสถานีที่ไม่ค่อยได้ใช้ แต่พอรถไฟรางคู่เสร็จ พราว กรุ๊ป เห็นถึงศักยภาพตรงนี้ เราจึงมีการเข้าไปเจรจากับการรถไฟไทย เพื่อขอเช่าพื้นที่เป็นระยะเวลา 30 ปี ทำทางเชื่อมสถานี และการเข้าไปปรับปรุงทัศนียภาพ เมื่อเราเดินไปฝั่งตรงข้าม สามารถทะลุไปที่ซอยหัวหิน 4 ก็จะเป็นการข้ามไปที่หัวหินอีกฝั่งหนึ่งของเขาตะเกียบ มีทั้งร้านอาหารและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มากมาย”
ทั้งนี้ พราวพุธกล่าวถึงความสำคัญของการคมนาคมทางรถไฟกับการพัฒนาเมืองหัวหินว่า จากเดิมที่เป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมงริมอ่าวไทย หัวหินได้เปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อมีการสร้างเส้นทางรถไฟสายใต้ผ่านพื้นที่นี้
ในช่วงการก่อสร้าง วิศวกรชาวอังกฤษได้ค้นพบความงดงามของชายหาดหัวหิน และเล็งเห็นศักยภาพในการพัฒนาเป็นเมืองตากอากาศ โดยการมีเส้นทางรถไฟเชื่อมตรงจากกรุงเทพฯ เป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้หัวหินกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวชั้นนำมาจนถึงปัจจุบัน
สำหรับแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์หัวหิน พราวพุธกล่าวว่า มีความต้องการซื้ออย่างต่อเนื่อง แต่อาจจะไม่ได้หวือหวาเท่ากับภูเก็ต และทุกวันนี้ราคาที่ดินในหัวหินยังคงปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ในตลาดตอนนี้ราคาที่ดินหัวหินอยู่ที่ประมาณไร่ละ 45 ล้านบาท แต่ถ้าเป็นที่ดินติดทะเลตอนนี้ราคาไปไกลมากและหาได้ยากด้วย ล่าสุดที่มีมาเสนอขายเราคือไร่ละ 120 ล้านบาท ซึ่งเป็นที่ดินใกล้ทะเล โดยที่ดินติดทะเลหาพื้นที่พัฒนาโครงการใหม่ได้ยากมาก
กรณีที่รัฐบาลมีแนวคิดขยายกรรมสิทธิ์ต่างชาติถือครองห้องชุดเป็น 75% จากเดิม 49% พราวพุธกล่าวว่า ทางเราเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าในหัวหินต่างชาติอาจไม่ได้ซื้อเยอะ แต่ก็เกือบถึงเพดานโควตาที่กำหนดไว้ ถ้าหากมีการปลดล็อกก็จะส่งผลดีต่อตลาดโดยรวมด้วย
ส่วนประเด็นเรื่องนอมินี ต้องยอมรับว่าในหัวหินไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องนี้ เท่าที่เห็นต่างชาติส่วนใหญ่มักเลือกทำสัญญาเช่าระยะยาว หรือบางรายที่แต่งงานกับคนไทยก็สามารถถือครองกรรมสิทธิ์ได้โดยตรง
ขณะที่รูปแบบการถือครองที่ดินและอาคารชุด หัวหินมีลักษณะคล้ายกับพัทยา คือ ส่วนใหญ่เป็นแบบฟรีโฮลด์ (Freehold) มากกว่าลีสโฮลด์ (Leasehold) โดยกรณีที่เป็นการเช่า มักจะเป็นสัญญาเช่ารายปี ต่างจากในกรุงเทพฯ ที่นิยมทำสัญญาเช่าระยะยาว 30 ปี ทั้งนี้ ปริมาณการลงทุนในพัทยายังคงมีมากกว่าในหัวหิน
พราวพุธกล่าวว่า บริษัทมีความพร้อมที่จะร่วมลงทุนในโครงการ Entertainment Complex หากมีการเปิดให้มีการขอรับใบอนุญาต โดยไม่ได้จะแข่งขันเพื่อขอรับใบอนุญาตโดยตรง แต่พร้อมที่จะเป็นพันธมิตรร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาต
"ด้วยประสบการณ์การบริหารสวนน้ำและสวนสนุก ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของ Entertainment Complex บริษัทของเรามีความเชี่ยวชาญในด้านนี้มากที่สุดในประเทศไทย จึงมองว่าเป็นโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจ แม้ว่าในขณะนี้รายละเอียดต่างๆ ยังไม่มีความชัดเจนมากนัก" พราวพุธกล่าว