นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีที่มีข่าวน้ำมันปาล์มบรรจุขวดจะปรับขึ้นราคาว่า ขณะนี้ผลผลิตปาล์มน้ำมันออกสู่ตลาดน้อยลง เพราะก่อนหน้านี้มีภัยแล้ง ทำให้มีราคาสูงขึ้น ซึ่งทางกระทรวงพาณิชย์ ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และดูแลให้เกิดความสมดุลของการใช้ทั้งการบริโภค และพลังงาน แต่เกษตรกรยังคงขายผลผลิตได้ราคาดี และผู้บริโภคต้องไม่บริโภคน้ำมันปาล์มขวดแพงเกินไป
โดยสั่งการให้กรมการค้าภายในพิจารณามาตรการดูแล โดยในระยะสั้น ห้ามการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ (ซีพีโอ) เพื่อให้มีสต๊อกเพียงพอ และดูแลราคาน้ำมันปาล์มขวดให้เหมาะสม พร้อมกับขอความร่วมมือห้างต่างๆ ให้ขายน้ำมันปาล์มขวดในราคาเดิมสำหรับสินค้าสต๊อกเก่า ที่ยังเป็นต้นทุนเดิม แต่หากเป็นต้นทุนใหม่ และสต๊อกใหม่ ขอความร่วมมือไม่ขายเกิน ขวดละ 50 บาท
ด้านนายกรนิจ โนนจุ้ย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ราคาน้ำมันปาล์มขวด ขณะนี้ ในห้างค้าปลีก ค้าส่ง ห้างสรรพสินค้า และห้างท้องถิ่นยังจำหน่ายที่ขวดละ 43-48 บาท
นายมนัส พุทธรัตน์ ประธานสมาพันธ์ชาวสวนปาล์มแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ผลปาล์มสดอยู่ที่กก.ละ 9 บาท ปรับสูงขึ้น กก.ละ 3 บาท จากเดือนต.ค.67 ที่กก.ละ 6 บาท ทำให้ราคาซีพีโอ ขึ้นมาอยู่ที่กก.ละ 46-47 บาท
ส่วนนายสมชาย พรรัตนเจริญ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย กล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาผู้ผลิตน้ำมันปาล์มขวดทุกยี่ห้อได้แจ้งขอปรับราคาขนาด 1 ลิตร เดิมโหลละ 500 บาทเป็น 600 บาท มีผลทันที ทำให้ราคาขายส่งปรับขี้นมา 9-10 บาท ส่วนราคาขายปลีก ปรับเพิ่มแล้วขวดละ 2-3 บาท สาเหตุมาจากกระแสข่าวว่ามาเลเซียและอินโดนีเซียชะลอการขายปาล์ม ทำให้ราคาตลาดโลกขยับขึ้น ซึ่งเห็นว่า การที่ผู้ผลิตแจ้งปรับขึ้นราคาทันที ไม่เป็นธรรม ต่อผู้บริโภค และผู้ประกอบการไม่ควรนำราคาอ้างอิงต่างประเทศมาเป็นเงื่อนไขซ้ำเติมผู้บริโภค