“บางเทา” ทองหล่อภูเก็ต ฮอตไม่พัก ASW เปิดคอนโดใหม่ ต่างชาติซื้อ 90%  ชงรัฐปลดล็อกกรรมสิทธิ์ห้องชุด

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

“บางเทา” ทองหล่อภูเก็ต ฮอตไม่พัก ASW เปิดคอนโดใหม่ ต่างชาติซื้อ 90% ชงรัฐปลดล็อกกรรมสิทธิ์ห้องชุด

Date Time: 28 ต.ค. 2567 19:24 น.

Video

บิทคอยน์ VS เงินในกระเป๋าเกี่ยวกันยังไง ? | Digital Frontiers

Summary

  • ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ (TITLE) บริษัทในเครือแอสเซทไวส์ ปักหมุดทำเลบางเทา-กะตะ-ราไวย์ อวดโฉมโครงการใหม่ “THE MODEVA” และ “THE TITLE ARTRIO BANG-TAO” ในหาดบางเทา มั่นใจดันยอดขายภูเก็ตเพิ่ม 5,000 ล้านบาทในไฮซีซันนี้ พร้อมส่ง “The Esquire” บริการดูแลคุณภาพชีวิตลูกบ้าน เผยลูกค้าต่างชาติ 90% ชงรัฐเดินหน้าขยายกรรมสิทธิ์ถือครองห้องชุด แก้ปัญหานอมินี

กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW กล่าวว่า ที่ผ่านมา บริษัทได้เดินหน้าขยายทำเลพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ต ผ่านการเข้าถือหุ้นสัดส่วน 67.94% ในบริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโครงการ Leisure Residences ในภูเก็ต ภายใต้แบรนด์ “เดอะ ไทเทิล” (THE TITLE) ที่มีประสบการณ์มายาวนานกว่า 12 ปี และมีโครงการที่อยู่อาศัยกระจายอยู่ตามทำเลศักยภาพ 3 ทำเล คือ บางเทา ในยาง และราไวย์ ซึ่งเป็น Strategic Locations ที่โดดเด่นทั้งด้านการเดินทาง ความงดงามของธรรมชาติ และสิ่งอำนวยความสะดวกที่สามารถรองรับการพักอาศัยระยะยาว (Long-Stay) และท่องเที่ยวระยะสั้น

“สำหรับย่านหาดบางเทา ภูเก็ต เทียบได้กับย่านทองหล่อ ในกรุงเทพฯ เนื่องจากราคาที่ดินที่สูงขึ้น และความหนาแน่นของผู้คนในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม หากเอ่ยคำว่า ย่านบางเทา ลากูน่า เชิงทะเล หมายถึงสถานที่หรือย่านเดียวกัน และเป็นย่านที่ฮอตมากของภูเก็ตในเวลานี้” กรมเชษฐ์ กล่าว

สำหรับตลาดที่พักอาศัยของภูเก็ตในปัจจุบัน มี 4 กลุ่ม ได้แก่

  • บ้านคนไทย
  • พูลวิลล่า
  • คอนโดมิเนียมของคนต่างจังหวัดที่เข้ามาทำงานในภูเก็ต
  • คอนโดมิเนียมของชาวต่างชาติ ซึ่ง TITLE จับตลาดกลุ่มนี้

ล่าสุด ASW ได้ปรับแผนเปิดตัวโครงการ Leisure Residences ในภูเก็ต โดยเปิดโครงการใหม่รวม 4 โครงการ ซึ่งมากกว่าแผนที่วางไว้ มูลค่าโครงการทั้งหมด 15,500 ล้านบาท ได้แก่

  1. เดอะ ไทเทิล เชียโล่ ราไวย์ (THE TITLE CIELO RAWAI) ตั้งอยู่ย่านราไวย์ มูลค่า 1,200 ล้านบาท ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจนมียอดขายถึง 90% หลังเปิดขายได้เพียง 1 สัปดาห์
  2. เดอะ โมเดวา (THE MODEVA) ตั้งอยู่ย่านบางเทา มูลค่า 6,200 ล้านบาท
  3. เดอะ ไทเทิล อาร์ทริโอ บางเทา (THE TITLE ARTRIO BANG-TAO) ตั้งอยู่ย่านบางเทา มูลค่า 2,600 ล้านบาท เตรียมเปิดขายในเดือนตุลาคมนี้
  4. คาตาเบลโล (KATABELLO) ตั้งอยู่ย่านกะตะ มูลค่า 5,500 ล้านบาท มีแผนเปิดขายอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปี 2568 ซึ่งบริษัทเชื่อมั่นว่าการปรับแผนดังกล่าวจะช่วยผลักดันยอดขายของโครงการในภูเก็ตช่วงไฮซีซันนี้ให้เพิ่มขึ้นอีก 5,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ ปัจจุบัน ASW และ TITLE มีคอนโดมิเนียมที่พัฒนาร่วมกันทั้งสิ้น 8 โครงการ มูลค่ารวม 31,500 ล้านบาท

สำหรับภาพรวมยอดขายของ ASW มียอดขายสะสม 9 เดือนแรกปี 2567 ทั้งหมด 14,578 ล้านบาท โดยเป็นสัดส่วนที่มาจาก TITLE คิดเป็น 43% ของยอดขายสะสม

ทั้งนี้ ปัจจุบัน TITLE มี Backlog สะสมทั้งหมดราว 8,022 ล้านบาท เริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 ปี 2567 จากเดอะ ไทเทิล ฮาโล 1 (THE TITLE HALO 1) และคาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้จากโครงการอื่นๆ ต่อเนื่องจนถึงปี 2570

เวคิน ตั้งกุลวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์จังหวัดภูเก็ต ในเครือแอสเซทไวส์ กล่าวว่า บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับ Strategic Locations อย่างบางเทา เนื่องจากเป็นทำเลที่มีความงดงามของหาดทรายสีขาวละเอียดทอดตัวยาวตัดกับน้ำทะเลสีเทอร์ควอยซ์ แต่ยังรายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งร้านอาหาร แหล่งไลฟ์สไตล์ สถานศึกษา โรงพยาบาล และแหล่งกิจกรรมมากมาย รองรับความต้องการของทุกคนในครอบครัว และยังเป็นครั้งแรกของแบรนด์ THE TITLE ที่พัฒนาอาคารที่พักอาศัยที่มีโซน “Pet-Friendly” ภายในโครงการ ตอบโจทย์คนรักสัตว์ ให้คนและสัตว์เลี้ยงใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข เพื่อให้โครงการ THE TITLE เป็น Heaven Bestination ของทุกคน

สำหรับ “THE MODEVA” เป็นโครงการ Leisure Residences

  • สูง 7 ชั้น จำนวน 6 อาคาร
  • Pet-Friendly อีก 1 อาคาร
  • รวม 859 ยูนิต บนพื้นที่ราว 15 ไร่
  • ใกล้หาดบางเทาเพียง 500 เมตร
  • มีห้องพักให้เลือก 11 รูปแบบ ขนาด 29-148 ตร.ม. และห้อง Penthouse ใหญ่สุด 148 ตร.ม.
  • พื้นที่ส่วนกลาง 7,458 ตร.ม. ทั้งโซน Indoor กว่า 26 รายการ และโซน Outdoor ถึง 33 รายการ
  • ราคาเริ่มต้น 4.1-18.7 ล้านบาท
เดอะ โมเดวา (THE MODEVA) ตั้งอยู่ย่านบางเทา มูลค่า 6,200 ล้านบาท
เดอะ โมเดวา (THE MODEVA) ตั้งอยู่ย่านบางเทา มูลค่า 6,200 ล้านบาท

ขณะที่ “THE TITLE ARTRIO BANG-TAO” เป็นโครงการ Leisure Residences

  • สูง 7 ชั้น จำนวน 3 อาคาร
  • Pet-Friendly อีก 1 อาคาร
  • รวม 435 ยูนิต ตั้งอยู่บนที่ดินประมาณ 6 ไร่ ติด Porto de Phuket
    มีห้องพัก Fully Fitted ทั้งแบบ 1 Bedroom แบบ 2 Bedroom และ Duplex ขนาด 28-132 ตร.ม.
  • ส่วนกลางมากกว่า 41 รายการ ทั้ง Outdoor และ Indoor รวมถึงโซนสำหรับสัตว์เลี้ยง Pet Grooming และ Pet Pool & Playground ในอาคาร Pet-Friendly
  • ราคาเริ่มต้น 4.23-19.67 ล้านบาท
เดอะ ไทเทิล อาร์ทริโอ บางเทา (THE TITLE ARTRIO BANG-TAO) ตั้งอยู่ย่านบางเทา มูลค่า 2,600 ล้านบาท
เดอะ ไทเทิล อาร์ทริโอ บางเทา (THE TITLE ARTRIO BANG-TAO) ตั้งอยู่ย่านบางเทา มูลค่า 2,600 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทยังได้เปิดตัวธุรกิจใหม่ “The Esquire” ให้บริการด้าน Property Management ครอบคลุมทั้งทีมนิติบุคคลช่วยบริหารจัดการภายในโครงการ บริการจัดหาและประสานผู้เช่า บริการซักรีด และบริการทำความสะอาดภายในห้องพัก ช่วยดูแลทรัพย์สินและคุณภาพการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยทุกคนภายในโครงการ THE TITLE เพื่อการอยู่อาศัยที่สะดวกสบายในทุกมิติ

“ตอนนี้ ยอดขายของ TITLE ในภูเก็ต 90% เป็นลูกค้าชาวต่างชาติ มีคนไทย 5-10% โดยต่างชาติที่เข้ามา 3 อันดับแรก คือ รัสเซีย ยูเครน และยุโรป โดยกลุ่มลูกค้าต่างชาติ มักจะซื้ออสังหาริมทรัพย์ในระดับราคา 5-18 ล้านบาท และถ้าเป็นบ้านเดี่ยว จะสนใจราคาระดับ 10 ล้านบาทขึ้นไป” เวคิน กล่าว

พัทธนันท์ พิสุทธิ์วิมล เลขาธิการและอุปนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตปี 2567 ได้รับปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและการเดินทางเข้ามาของชาวต่างชาติ ส่งผลให้กำลังซื้อของคนในพื้นที่แข็งแกร่งขึ้น เช่นเดียวกับความต้องการด้านที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติที่มีแนวโน้มสูงขึ้นด้วย

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์คาดการณ์ว่า ปีนี้จะมีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียมในภูเก็ตทั้งหมด มูลค่ารวมประมาณ 33,730 ล้านบาท หรือขยายตัวขึ้นราว 7.1% เมื่อเทียบกับปี 2566

ด้านยอดขายใหม่ของคอนโดมิเนียมในช่วงครึ่งแรกปี 2567 มีจำนวน 4,497 หน่วย ขยายตัวขึ้น 259.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และมีมูลค่าทั้งหมดราว 40,190 ล้านบาท เติบโตขึ้น 799% ซึ่งทำเลที่มียอดขายใหม่โดดเด่นมากที่สุดคือ “หาดบางเทา-หาดสุรินทร์” จำนวน 2,202 หน่วย หรือคิดเป็น 48.97% ของจำนวนหน่วยยอดขายใหม่ทั้งหมด

นอกจากนี้ เลขาธิการและอุปนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต ให้ความเห็นกรณีที่รัฐบาลมีแนวคิดขยายกรรมสิทธิ์ต่างชาติถือครองห้องชุดเป็น 75% จากเดิม 49% ว่า เนื่องจากที่ผ่านมา ภูเก็ตมีปัญหาเรื่องนอมินีถือครองอสังหาริมทรัพย์ ส่วนหนึ่งเกิดจากชาวต่างชาติที่ต้องการมีบ้านหลังที่สอง หรือเป็นบ้านพักตากอากาศ ต่างก็ต้องการทำให้ถูกกฎหมาย แต่เนื่องจากกฎหมายการถือครองกรรมสิทธิ์ไม่เอื้อ จึงทำให้เกิดนอมินี แต่หากมีการปลดล็อกกฎหมาย ก็จะช่วยแก้ปัญหานอมินีได้

ขณะที่ กรมเชษฐ์ให้ความเห็นว่า อยากให้ภาครัฐพิจารณาการปลดล็อกถือครองกรรมสิทธิ์ในแบบทดลอง จำกัดระยะเวลาหรือพื้นที่ อย่างไรก็ตาม กรณีการถือครองคอนโดมิเนียมในภูเก็ต พฤติกรรมลูกค้าต้องการเช่าระยะยาว (Leasehold) มากกว่า ต่างจากคอนโดมิเนียมย่านพัทยาที่ชาวต่างชาติชอบแบบเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ระยะยาว (Freehold)

(เรียงจากซ้าย) เวคิน ตั้งกุลวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE, ดรงค์ หุตะจูฑะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน, กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW และพัทธนันท์ พิสุทธิ์วิมล เลขาธิการ และอุปนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต
(เรียงจากซ้าย) เวคิน ตั้งกุลวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE, ดรงค์ หุตะจูฑะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน, กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW และพัทธนันท์ พิสุทธิ์วิมล เลขาธิการ และอุปนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้
https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ