เดินหน้า “กาสิโน” หนุนเศรษฐกิจฟื้น “จุลพันธ์” ให้คนไทยรอมาตรการกระตุ้นลอตใหม่สิ้นปี

“จุลพันธ์” เดินหน้า พ.ร.บ.กาสิโนเต็มพิกัด พร้อมส่งเข้า ครม.สิ้นปีนี้ เร่งเข้าสภาต่อทันที มั่นใจเศรษฐกิจไทยได้ประโยชน์ปั๊มรายได้นักท่องเที่ยวหัวละ 60,000 ดึงนักท่องเที่ยวเข้าประเทศเพิ่มขึ้น 20% เดินหน้าจัดระเบียบสวัสดิการรัฐใหม่ลดความซ้ำซ้อน คนจนต้องได้สิทธิ คนรวยต้องตัดออก พร้อมเตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ ช่วยเศรษฐกิจส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ให้คึกคัก

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังได้จัดทำร่าง พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. ...หรือเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะผลักดันร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในสิ้นปีนี้ และเมื่อผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุม ครม.แล้ว จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนการนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุม สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะเปิดสมัยการประชุมสามัญ อีกครั้งในกลางเดือน ธ.ค.นี้ ถึง เม.ย.ปีหน้า “ร่างกฎหมายดังกล่าวจะเป็นกฎหมายฉบับแรกที่จะเปิดทางให้ประเทศไทยสามารถจัดตั้งสถานบันเทิงครบวงจรได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายเหมือนที่หลายประเทศในโลกได้อนุญาต โดยร่างกฎหมายฉบับนี้ได้ผ่านการทำประชาพิจารณ์ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญเสร็จสิ้น เมื่อเร็วๆนี้ โดยเสียงส่วนใหญ่ถึง 82% เห็นด้วย กับการให้มีร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว”

ชู “เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์”

นายจุลพันธ์กล่าวว่า จากผลการศึกษาของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ระบุว่า หากมีการจัดตั้งเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ในประเทศไทยจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวชาว ต่างชาติให้เดินทางเข้าประเทศไทยได้เพิ่มขึ้นอีกราว 5-20% และจะทำให้การใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยว เพิ่มขึ้นเป็น 60,000 บาทต่อราย จากปัจจุบันอยู่ที่ 40,000 บาท

“เชื่อมั่นว่าเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ จะสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในหลายมิติ ทั้งในช่วงการก่อสร้างที่จะเกิดการลงทุน เพื่อสร้างสถานบันเทิงครบวงจรที่จะต้องใช้เงินลงทุนเป็นจำนวนมาก และเมื่อสร้างเสร็จ นอกจากจะเป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวแล้วยังจะช่วยสร้างงานให้กับคนในประเทศ โดยตนอยากให้เป็นการจ้างงานคนไทยในเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ให้มากที่สุด ซึ่งอาจต้องมีการฝึกฝนเพื่อให้มีทักษะตามที่ต้องการ”

ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าจะมีภาคเอกชนที่สนใจจะเข้ามาลงทุนสถานบันเทิงครบวงจร ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีแต่ยืนยันว่าปัจจุบันยังไม่ได้มีการพูดคุยกับรายใด โดยตามร่างกฎหมายฉบับนี้กำหนดให้มีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ขณะที่อายุสัมปทานของโครงการจะมีใบอนุญาต 30 ปี และสามารถต่ออายุได้อีกคราวละ 10 ปี โดยมีค่าใบอนุญาตใบละ 5,000 ล้านบาท และมีค่ารายปีอีกปีละ 1,000 ล้านบาท โดยหากกฎหมายผ่านแล้วก็จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาอีก เพื่อพิจารณาข้อเสนอภาคเอกชนที่สนใจ จะเสนออะไร และรัฐต้องการโครงการประเภทใด เพื่อให้กลายเป็นแหล่งดึงดูดการท่องเที่ยว

ขณะที่รายละเอียดของร่างกฎหมายดังกล่าว ในส่วนของการเปิดช่องให้คนไทยเข้าไปเล่นในกาสิโนนั้น นายจุลพันธ์กล่าวว่า คนไทยสามารถใช้บริการได้ แต่จะต้องมีค่าเข้าต่อครั้งไม่เกิน 5,000 บาท

ยกเครื่องข้อมูลโครงการสวัสดิการรัฐ

นายจุลพันธ์ยังได้กล่าวถึงงานในส่วนการจัดระเบียบสวัสดิการรัฐนั้น เพื่อลดความซ้ำซ้อนของการให้ความช่วยเหลือ รวมทั้งเพื่อหา แนวทางพิสูจน์สิทธิให้คนจนได้รับสิทธิจริง หลังพบว่ามีคนจนไม่จริง แต่ได้รับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบางคนเสียชีวิตไปแล้วแต่ยังได้รับสิทธิ นอกจากนั้นมีบางคนได้รับสิทธิรวมแล้วเป็นเงินเดือนละ 10,000 บาท ดังนั้น จึงต้องมาจัดทะเบียนทบทวนการได้รับสิทธิสวัสดิการรัฐใหม่

ทั้งนี้ ในปัจจุบันมีโครงการสวัสดิการรัฐมากกว่า 20 รายการ ซึ่งนอกเหนือจากการพิสูจน์สิทธิข้างต้นแล้ว การจัดทำข้อมูลของประชาชนที่ได้รับสวัสดิการรัฐยังจะนำไปสู่การจัดทำนโยบายภาษี Negative Income Tax (NIT) เพราะหากข้อมูลประชาชนไม่ครบถ้วน ก็ไม่สามารถเดินหน้านโยบายนี้ได้

“รัฐบาลจำเป็นต้องทบทวนข้อมูลประชาชนที่ได้รับสิทธิสวัสดิการรัฐ เพื่อความเป็นธรรม และสอดคล้องกับความเป็นจริง เนื่องจากที่ผ่านมา ได้รับการร้องเรียนมากว่าคนจนไม่จริงแต่ได้รับสิทธิ โดยเฉพาะบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่คนจนจริงกลับไม่ได้รับสิทธิ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังไปดำเนินการโดยเร็วที่สุด”

จ่ออัดฉีดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจส่งท้ายปี

นายจุลพันธ์กล่าวเพิ่มเติมถึงแนวทางในการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ และต่อเนื่องถึงปี 68 นั้น กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างพิจารณามาตรการต่างๆ เพื่อเตรียมเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งเมื่อพิจารณาเห็นชอบแล้วต้องนำเสนอที่ประชุม ครม.เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป โดยมาตรการต่างๆที่จะนำมากระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีนั้น จะเป็นมาตรการจากหลายกระทรวงต้องรวมกันหลายฝ่าย โดยในส่วนของกระทรวงการคลังนั้นคงจะใช้มาตรการลดหย่อนภาษีเป็นหลัก

ส่วนเรื่องการแจกเงิน 10,000 บาทนั้นในส่วนที่เหลือ รอบที่ 2 ที่คนไทยอยากรู้นั้นจะเป็นในรูปแบบใด และแจกครั้งเดียว 10,000 บาท หรือแจกครั้งละ 5,000 บาท นายจุลพันธ์กล่าวว่า ต้องรอการประชุมคณะกรรมการโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจว่าจะมีแนวทางดำเนินการอย่างไร แต่สิ่งที่ยืนยันได้คือ แจกแน่นอน แต่จะเป็นแบบใดนั้น รอความชัดเจนเร็วๆ นี้.

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” เพิ่มเติม