หลังจาก “นายพิชัย นริพทะพันธุ์” รมว.พาณิชย์ รับตำแหน่งได้ไม่กี่วัน เมื่อวันที่ 16 ก.ย.67 ระหว่างแถลงนโยบายการทำงานก็เปิดฉากฉะ “นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” ผู้ว่าแบงก์ชาติ กรณีค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว จนทำให้ภาคส่งออกได้รับผลกระทบอย่างหนัก
พร้อมกับตั้งคำถามถึงผู้ว่าแบงก์ชาติ “ไม่รู้ว่าจบมาจากไหน?” ทำไมไม่สนใจตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ที่แสดงถึงรายได้ ความมั่งคั่งของประชาชน และประเทศเลย
ตามมาด้วยการถล่มซ้ำของเอกชน อย่างสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และเมื่อวันที่ 23 ก.ย.67 หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยได้นำสมาคมการค้าต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็งค่า โดยเฉพาะสินค้าเกษตร มาตั้งโต๊ะแถลงข่าวถึงความเดือดร้อน และผลกระทบดังกล่าว
โดยระบุว่า ในช่วงเวลาไม่นานที่เงินบาทแข็งค่าจากกว่า 36 บาท/เหรียญสหรัฐฯ มาเป็น 33 บาท/เหรียญ หรือแข็งค่า 10–12% ทำให้ภาคส่งออก โดยเฉพาะสินค้าเกษตร เกษตรแปรรูป อาหาร สูญเสียรายได้จากการส่งออกแล้วกว่า 50,000 ล้านบาท
จากก่อนหน้านี้ เมื่อนำรายได้จากการส่งออกที่เป็นเงินดอลลาร์สหรัฐฯมาแลกเป็นเงินบาท จะได้ถึง 36 บาท/เหรียญ แต่มาวันนี้เหลือค่าเพียง 33 บาท/เหรียญเท่านั้น
หากค่าเงินบาทยังแข็งค่าต่อเนื่องต่อไปจนถึงสิ้นปีนี้ ภาคส่งออกจะสูญเสียรายได้สูงกว่า 130,000 ล้านบาท หรือเกือบ 1% ของจีดีพีไทยที่ปัจจุบันมีมูลค่าราว 19 ล้านล้านบาท
อีกทั้งยังกระทบต่อความสามารถการแข่งขันด้านราคาส่งออก เพราะค่าเงินแข็งทำให้ราคาสินค้าไทยแพงกว่าคู่แข่ง ที่ค่าเงินอ่อนค่า หรือไม่แข็งค่าเท่า
นอกจากนี้ ยังทำให้ภาคท่องเที่ยวได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยกลุ่มที่กำลังตัดสินใจจะมาเที่ยวไทยอาจไม่มา และอาจไปเที่ยวประเทศอื่นแทน เพราะราคาสินค้าและบริการต่างๆ ของไทยแพงขึ้น
จึงต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อแก้ปัญหานี้ หลังจากสหรัฐฯได้ปรับลดดอกเบี้ยนำไปแล้ว 0.5%
และล่าสุด เมื่อวันที่ 24 ก.ย.67 “นายพิชัย” กลับมาขยี้ซ้ำให้แบงก์ชาติเร่งแก้ปัญหาบาทแข็ง โดยย้ำว่า หากรัฐบาลทำอะไรแล้วเศรษฐกิจโตมากเกินไป (Over Heat) แล้วแบงก์ชาติขวาง ตนจะไม่ว่าเลย เป็นสิ่งที่ควรทำ เพื่อไม่ให้เศรษฐกิจร้อนแรงเกินไป แต่ถ้าเศรษฐกิจแย่ ทุกคนต้องช่วยกัน
“ช่วง 4 ปีที่ท่านเป็นผู้ว่าแบงก์ชาติยังไม่ทำให้เศรษฐกิจโตสักเปอร์เซ็นต์เลย ปี 63 ติดลบ 6.1%, ปี 64 บวก 1.5%, ปี 65 บวก 2.6% และปี 66 บวก 1.8% ยังโตไม่เท่าของเดิม กระทรวงพาณิชย์ทำงานหนักให้ขายของให้ได้ เพื่อให้เศรษฐกิจฟื้น แต่อยู่ๆ บาทแข็ง เหมือนโดนเตะสกัด แบงก์ชาติควรพิจารณาทำให้บาทอ่อนสักหน่อย ให้ค้าขายได้ โดยค่าเงินที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 35-36 บาท/เหรียญสหรัฐฯ”
แก้ปัญหาบาทแข็ง งัดข้อกันซะขนาดนี้ แล้วใครจะเป็นผู้กล้าหย่าศึก!
ฟันนี่เอส
คลิกอ่านคอลัมน์ “กระจก 8 หน้า” เพิ่มเติม