"พิชัย-เศรษฐพุฒิ" งัดข้อบาทแข็ง

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

"พิชัย-เศรษฐพุฒิ" งัดข้อบาทแข็ง

Date Time: 26 ก.ย. 2567 05:12 น.

Summary

  • "นายพิชัย" กลับมาขยี้ซ้ำให้แบงก์ชาติเร่งแก้ปัญหาบาทแข็ง โดยย้ำว่า หากรัฐบาลทำอะไรแล้วเศรษฐกิจโตมากเกินไป (Over Heat) แล้วแบงก์ชาติขวาง ตนจะไม่ว่าเลย เป็นสิ่งที่ควรทำ เพื่อไม่ให้เศรษฐกิจร้อนแรงเกินไป แต่ถ้าเศรษฐกิจแย่ ทุกคนต้องช่วยกัน

Latest

HSBC ชี้เศรษฐกิจไทยโตกว่าที่คิด หลังรัฐเร่งลงทุน กระตุ้นบริโภค ต่างชาติเชื่อมั่น จ่อลงทุนไทยเพิ่ม

หลังจาก “นายพิชัย นริพทะพันธุ์” รมว.พาณิชย์ รับตำแหน่งได้ไม่กี่วัน เมื่อวันที่ 16 ก.ย.67 ระหว่างแถลงนโยบายการทำงานก็เปิดฉากฉะ “นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” ผู้ว่าแบงก์ชาติ กรณีค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว จนทำให้ภาคส่งออกได้รับผลกระทบอย่างหนัก

พร้อมกับตั้งคำถามถึงผู้ว่าแบงก์ชาติ “ไม่รู้ว่าจบมาจากไหน?” ทำไมไม่สนใจตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ที่แสดงถึงรายได้ ความมั่งคั่งของประชาชน และประเทศเลย

ตามมาด้วยการถล่มซ้ำของเอกชน อย่างสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และเมื่อวันที่ 23 ก.ย.67 หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยได้นำสมาคมการค้าต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็งค่า โดยเฉพาะสินค้าเกษตร มาตั้งโต๊ะแถลงข่าวถึงความเดือดร้อน และผลกระทบดังกล่าว

โดยระบุว่า ในช่วงเวลาไม่นานที่เงินบาทแข็งค่าจากกว่า 36 บาท/เหรียญสหรัฐฯ มาเป็น 33 บาท/เหรียญ หรือแข็งค่า 10–12% ทำให้ภาคส่งออก โดยเฉพาะสินค้าเกษตร เกษตรแปรรูป อาหาร สูญเสียรายได้จากการส่งออกแล้วกว่า 50,000 ล้านบาท

จากก่อนหน้านี้ เมื่อนำรายได้จากการส่งออกที่เป็นเงินดอลลาร์สหรัฐฯมาแลกเป็นเงินบาท จะได้ถึง 36 บาท/เหรียญ แต่มาวันนี้เหลือค่าเพียง 33 บาท/เหรียญเท่านั้น

หากค่าเงินบาทยังแข็งค่าต่อเนื่องต่อไปจนถึงสิ้นปีนี้ ภาคส่งออกจะสูญเสียรายได้สูงกว่า 130,000 ล้านบาท หรือเกือบ 1% ของจีดีพีไทยที่ปัจจุบันมีมูลค่าราว 19 ล้านล้านบาท

อีกทั้งยังกระทบต่อความสามารถการแข่งขันด้านราคาส่งออก เพราะค่าเงินแข็งทำให้ราคาสินค้าไทยแพงกว่าคู่แข่ง ที่ค่าเงินอ่อนค่า หรือไม่แข็งค่าเท่า

นอกจากนี้ ยังทำให้ภาคท่องเที่ยวได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยกลุ่มที่กำลังตัดสินใจจะมาเที่ยวไทยอาจไม่มา และอาจไปเที่ยวประเทศอื่นแทน เพราะราคาสินค้าและบริการต่างๆ ของไทยแพงขึ้น

จึงต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อแก้ปัญหานี้ หลังจากสหรัฐฯได้ปรับลดดอกเบี้ยนำไปแล้ว 0.5%

และล่าสุด เมื่อวันที่ 24 ก.ย.67 “นายพิชัย” กลับมาขยี้ซ้ำให้แบงก์ชาติเร่งแก้ปัญหาบาทแข็ง โดยย้ำว่า หากรัฐบาลทำอะไรแล้วเศรษฐกิจโตมากเกินไป (Over Heat) แล้วแบงก์ชาติขวาง ตนจะไม่ว่าเลย เป็นสิ่งที่ควรทำ เพื่อไม่ให้เศรษฐกิจร้อนแรงเกินไป แต่ถ้าเศรษฐกิจแย่ ทุกคนต้องช่วยกัน

“ช่วง 4 ปีที่ท่านเป็นผู้ว่าแบงก์ชาติยังไม่ทำให้เศรษฐกิจโตสักเปอร์เซ็นต์เลย ปี 63 ติดลบ 6.1%, ปี 64 บวก 1.5%, ปี 65 บวก 2.6% และปี 66 บวก 1.8% ยังโตไม่เท่าของเดิม กระทรวงพาณิชย์ทำงานหนักให้ขายของให้ได้ เพื่อให้เศรษฐกิจฟื้น แต่อยู่ๆ บาทแข็ง เหมือนโดนเตะสกัด แบงก์ชาติควรพิจารณาทำให้บาทอ่อนสักหน่อย ให้ค้าขายได้ โดยค่าเงินที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 35-36 บาท/เหรียญสหรัฐฯ”

แก้ปัญหาบาทแข็ง งัดข้อกันซะขนาดนี้ แล้วใครจะเป็นผู้กล้าหย่าศึก!


ฟันนี่เอส

คลิกอ่านคอลัมน์ “กระจก 8 หน้า” เพิ่มเติม


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ