นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า จะผลักดันการแข่งขันส่งออกข้าวไทยในตลาดโลก พร้อมๆกับทำให้ตลาดหรือผู้นำเข้าเวลาคิดถึงข้าว ให้คิดถึงประเทศไทย และชูข้าวไทยสู่อาหารโลก เพราะข้าวไทยมีคุณภาพ ที่สร้างรายได้ให้กับชาวนา เป็นสินค้าส่งออกสำคัญระดับต้นๆของโลกในแต่ละปีไทยส่งออกข้าวเฉลี่ย 8 ล้านตัน และปีนี้จะทำได้ถึง 9 ล้านตัน มากกว่าที่คาดไว้ เพราะผลผลิตปีนี้เพิ่มขึ้น และความต้องการยังมีมาก ส่วนน้ำท่วมมีผลกระทบและสร้างความเสียหาย โดยในส่วนนาข้าวอาจทำให้ผลผลิตลดลง แต่กระทบการส่งออกน้อยมาก เพราะ 7 เดือน (ม.ค.-ก.ค.) ปีนี้ เราตุนมามากแล้วถึง 5.68 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 21% มีมูลค่า 132,396 ล้านบาท ประมาณ 3,703 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 50%
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า เงินบาทที่แข็งค่ามาถึง 33 บาทต่อเหรียญ กำลังส่งผลต่อการแข่งขันด้านราคาส่งออกสินค้าไทย โดยเฉพาะสินค้าเกษตร โดยข้าวที่มีกำไรต่ำ และอาจขาดทุน การแข็งค่าขึ้นหรืออ่อนค่าลงทุก 1 บาทต่อเหรียญ มีผลต่อราคาส่งออกข้าวไทย 15 เหรียญต่อตัน
“เทียบกับผู้ส่งออกข้าวอื่น ไทยแข่งขันราคาได้ยากขึ้น เห็นได้จากการประมูลข้าวของอินโดนีเซีย 350,000 ตัน เมื่อเร็วๆ นี้ เวียดนาม เมียนมา ปากีสถานชนะประมูลรวม 200,000 ตัน และวันที่ 24 ก.ย.นี้ อินโดนีเซียจะเปิดประมูลอีก 450,000 ตัน และจัดไทยไปรวมกลุ่มกับปากีสถานและกัมพูชา ในการพิจารณาก็มีโอกาสน้อยที่จะชนะ เพราะราคาส่งออกปากีสถาน ไม่เกิน 510 เหรียญต่อตัน แต่ไทย 560 เหรียญ ล่าสุดเวียดนามมีกำลังส่งออกได้เพิ่มขึ้น หลังนำเข้าข้าวกล้องจากอินเดียมาสีเพื่อส่งออก ทำให้ไทยอาจตกไปอยู่ที่ 3 ประเทศผู้ส่งออกข้าวของโลกได้ หรือส่งออกได้ 6.5 ล้านตันปีหน้า รวมทั้งต้องวางแผนพัฒนาข้าวในระยะยาว และไม่ควรนำนโยบายอุดหนุนราคา ทั้งจำนำข้าวหรือประกันรายได้กลับมาใช้อีก”.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่