แจกทันที! เงินดิจิทัลกลุ่มเปราะบาง 14 ล้านคน ดันจีดีพีไตรมาส 4 ปีนี้โต 3.5–4% ส่วนทั้งปี 2567 คาดโตได้ 2.7–2.8% จากเดิม 2.5% ส่วนที่จะแจกในรอบต่อไปเป็นของขวัญปีใหม่ จะมีโมเมนตัมช่วยขับเคลื่อนดันจีดีพีปี 68 โต 3.5–4% ด้านตลาดหุ้นลุ้นโค้งสุดท้ายปลายปี หลัง 10 วัน ต่างชาติซื้อหุ้นไทย 2 หมื่นล้านบาท
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงโครงการเงินดิจิทัลที่รัฐบาลจะแจกเงินสด 10,000 ให้กลุ่มเปราะบางกว่า 14 ล้านคนก่อนภายในเดือน ก.ย. 2567 คิดเป็นงบประมาณเกือบ 150,000 ล้านบาท ว่า คนกลุ่มนี้เมื่อได้เงินสดแล้ว คาดว่าจะใช้ซื้อสินค้าทันที โดยอาจจะใช้รวดเดียวทั้งก้อนหรือทยอยใช้ จึงคาดว่าจะมีเงินเข้ามาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 2 รอบ ส่งผลช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยไตรมาส 4 ปีนี้ ขยายตัวได้ 3.5-4% และภาพรวมของปี 67 จะช่วยกระตุ้นให้เพิ่มขึ้นอีก 0.2-0.3% เป็นขยายตัวได้ 2.7-2.8% จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตราว 2.5%
สำหรับเงินดิจิทัลส่วนที่เหลือที่จะให้กับผู้มีสิทธิ์ในส่วนที่เหลือ ที่คาดจะเริ่มแจกได้ในช่วงปลายปี 67 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนนั้น จะมีโมเมนตัมช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ถึงต้นปี 68 ซึ่งคาดว่าจะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไทยปี 68 ขยายตัวได้ 3.5-4% ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจที่ดอกเบี้ยโลกเริ่มลด และประเทศไทยมีงบประมาณแผ่นดินเพื่อการเบิกจ่ายลงทุนได้ตามปกติ ซึ่งอาจทำให้สถานการณ์หนี้ครัวเรือนไทยลดลงมาอยู่ในระดับ 89-89.5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ได้จากปี 67 ที่อยู่ในระดับ 90.8% ของจีดีพี
อย่างไรก็ตาม สิ่งจำเป็นที่รัฐบาลต้องทำคือ ทำให้เศรษฐกิจไทยกลับมาขยายตัวได้ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 4% ให้ได้โดยเร็ว รวมถึงปรับค่าแรงให้สูงขึ้น ลดราคาพลังงาน ทำให้เศรษฐกิจฐานรากขยายดีขึ้นได้อย่างทั่วถึง พร้อมกับยกระดับคลินิกแก้หนี้ให้เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อช่วยดูแลปัญหาหนี้ครัวเรือน
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดเผยว่า คาดว่าปีนี้จะเริ่มเห็นเม็ดเงินลงทุนจากกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยหนุนจากกำไรบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย รวมถึงการเมืองเริ่มอยู่ในทิศทางที่ดี ส่วนปัจจัยภายนอกให้น้ำหนักการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง ที่น่าสนใจคือสภาพคล่องจะเพิ่มมากขึ้นในตลาดโลก ซึ่งมักจะเป็นผลดีต่อเงินทุนไหลเข้าในตลาดเกิดใหม่
ด้านนายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวว่า ช่วงต้นเดือน ก.ย.67 หรือ 10 วันที่ผ่านมา พบว่า นักลงทุนต่างชาติไหลเข้ามาซื้อหุ้นในตลาดหุ้นแล้วกว่า 20,000 ล้านบาท ขณะที่ในช่วง 4 เดือนที่เหลือของปีนี้คาดว่า มีโอกาสที่ฟันด์โฟลว์จะไหลเข้าต่อเนื่อง เพราะมีปัจจัยบวกหลากหลายหนุนจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง กำไร บจ.ที่มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น รวมถึงเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ส่งผลดีต่อการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ
โดยภาวะตลาดหุ้นไทย ณ สิ้นเดือน ส.ค.67 ดัชนีปิดที่ 1,359.07 จุด เพิ่มขึ้น 2.9% จากเดือนก่อนหน้า สอดคล้องดัชนีในภูมิภาค ทำให้เมื่อเทียบกับสิ้นปี 66 ดัชนีปรับลดลงเหลือเพียง 4.0% โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่าดัชนีรวมเมื่อเทียบกับสิ้นปี 66 ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่